วันนี้ (25 พฤศจิกายน 2567) นายโยธิน ประสงค์ความดี รองผู้ว่าราชการจังหวัดลำพูน เป็นประธานในพิธี “วันสมเด็จพระมหาธีรราชเจ้า” ประจำปี 2567 พร้อมด้วยผู้บังคับบัญชาลูกเสือ เนตรนารี บุคลากรทางการลูกเสือ และลูกเสือ เนตรนารี ทุกสังกัด เข้าร่วมพิธีถวายพวงมาลาและพิธีถวายราชดุดี ณ อาคารจักรคำ 115 ปี โรงเรียนจักรคำคณาทร จังหวัดลำพูน เพื่อร่วมน้อมรำลึกในพระมหากรุณาธิคุณ และแสดงความกตัญญู กตเวทิตาธรรม แด่พระบาทสมเด็จพระรามาธิบดี ศรีสินทรมหาวชิราวุธ พระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว พระผู้พระราชทานกำเนิดลูกเสือไทย โดยมี นางสาวณิชา เทียมสุวรรณ ผู้อำนวยการสำนักงาน เขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาลำพูน เขต 1 ในนามหัวหน้าสำนักงานลูกเสือจังหวัดลำพูน กล่าวรายงาน
วันสมเด็จพระมหาธีรราชเจ้า เป็นวันคล้ายวันสวรรคตแห่งพระบาทสมเด็จพระรามาธิบดี ศรีสินทรมหาวชิราวุธ พระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว พระผู้พระราชทานกำเนิดลูกเสือไทย ซึ่งคณะกรรมการบริหารสำนักงานลูกเสือแห่งชาติ กำหนดให้เป็นวันสำคัญวันหนึ่งของ “คณะลูกเสือแห่งชาติ“ โดยในทุกปีลูกเสือ เนตรนารี จะร่วมน้อมรำลึกในพระมหากรุณาธิคุณ และแสดงความกตัญญู กตเวทิตาธรรม ด้วยการประกอบพิธีถวายพวงมาลา พิธีถวายราชสดุดีและแต่งเครื่องแบบลูกเสือ เนตรนารี พร้อมออกบำเพ็ญประโยชน์ ตามสถานที่ต่าง ๆ ทั่วราชอาณาจักร เพื่อถวายเป็นราชสักการะ สำหรับผู้เข้าร่วมประกอบพิธีถวายพวงมาลา และพิธีถวายราชสดุดี สถานที่อันศักดิ์สิทธิ์แห่งนี้ มีจำนวนลูกเสือ เนตรนารี ผู้บังคับบัญชาลูกเสือ บุคลากรทางการลูกเสือ ร่วมในพิธี จำนวน 1,500 คน
รองผู้ว่าราชการจังหวัดลำพูน กล่าวว่า เนื่องในวันคล้ายวันสวรรคตพระบาทสมเด็จพระรามาธิบดีศรีสินทรมหาวชิราวุธ พระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว พระมหากษัตริย์แห่งพระบรมราชจักรีวงศ์ ข้าพระพุทธเจ้า พร้อมด้วยข้าราชการ บุคลากรทางการลูกเสือ ลูกเสือ เนตรนารี และพสกนิกรชาวไทยทุกหมู่เหล่า ต่างน้อมจิตตั้งมั่น เพื่อร่วมกันแสดงออกถึงความจงรักภักดีและน้อมรำลึกในพระมหากรุณาธิคุณอันหาที่สุดมิได้ ตลอดเวลา 15 ปีแห่งรัชสมัย ทรงดำรงมั่นในพระราชธรรมจริยาเป็นอัครศาสนูปถัมภก และพุทธมามกมหาราชาธิราช กอปรด้วยพระราชคุณูปการเป็นอเนกปริยาย ทรงวางรากฐานการปกครองในระบอบประชาธิปไตย ทรงเปี่ยมด้วยพระราชอัจฉริยภาพด้านอักษรศาสตร์ ทรงเอาพระราชหฤทัยใส่ด้านการศึกษาประวัติศาสตร์ โบราณคดี เพื่อหนุนนำให้ชาวสยามได้ตระหนักรู้ว่าชาติไทยนี้ มีตำนานและประวัติศาสตร์ซึ่งควรค่าแก่การหวงแหนและปกป้องรักษาด้วยพระราชวิสัยทัศน์อันกว้างไกล ทรงเห็นว่าประเทศชาติจะมีความมั่นคงได้นั้นจำเป็นต้องมีกำลังกองทัพที่เข้มแข็ง ประชาชนมีสำนึกในความรักชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ ทรงมุ่งมั่นรักษาอธิปไตยของชาติเป็นสำคัญ
ด้วยพระปรีชาญาณและพระมหากรุณาธิคุณเป็นที่ประจักษ์แก่สากล องค์การเพื่อการศึกษา วิทยาศาสตร์ และวัฒนธรรมแห่งสหประชาชาติหรือยูเนสโก ได้ประกาศยกย่องพระเกียรติคุณพระองค์ เป็นบุคคลสำคัญทางวัฒนธรรมของโลก และปวงชาวไทยได้ถวายพระสมัญญาภิไธยพระองค์ท่านว่า “สมเด็จพระมหาธีรราชเจ้า” ปวงข้าพระพุทธเจ้า จักน้อมนำแนวพระบรมราโชบายที่ทรงพระราชทานไว้ เป็นเครื่องยืดเหนี่ยวในการปฏิบัติหน้าที่และดำรงตน ด้วยความตั้งมั่นในการบำเพ็ญตนให้สมพระราชประสงค์ ประพฤติปฏิบัติตามคำปฏิญาณ และกฎของลูกเสือ มุ่งบำเพ็ญประโยชน์แก่ผู้อื่น ตลอดจนประเทศชาติบ้านเมืองสืบไป
นที มีเดช รายงาน