6 พ.ย.62 รอง ผวจ.ยะลา ประชุมหารือ 3 ฝ่ายเพื่อให้การเยียวยาผู้เสียชีวิต ในขณะที่ นายก อบต.ผู้รอดชีวิต ชี้เหตุเกิดในพื้นที่ของตน ไม่บ่อยแต่เกิดเหตุหนักทุกครั้ง
จากกรณี คนร้ายไม่น้อยกว่า 30-40 คน ใช้อาวุธสงคราม ทั้งอาก้า เอ็ม 16 ลูกซองและปืนพกสั้น บุกยิงถล่ม จุดตรวจ ชรบ.บ้านทางลุ่ม บ้านย้อยของบ้านทุ่งสะเดา หมู่ที่ 5 ต.ลำพยา อ.เมืองยะลา จนเป็นเหตุให้ ชุดรักษาความปลอดภัยหมู่บ้าน (ชรบ.) อาสารักษาหมู่บ้าน (อรบ.) และประธาน อบต.เสียชีวิตในที่เกิดเหตุ 11 ราย และเสียชีวิตที่ รพ.อีก 4 ราย รวมทั้งสิ้น 15 ราย และบาดเจ็บอีก 5 ราย เหตุเกิดเมื่อเวลา 22.15 น.เมื่อคืนที่ผ่านมานั้น
ความคืบหน้า วันนี้ 6 พ.ย.62 ทาง จนท.ชุดเก็บกู้วัตถุระเบิด ตำรวจกองพิสูจน์หลักฐาน กำลังทหาร ตำรวจ ฝ่ายปกครอง เข้าไปตรวจสอบที่เกิดเหตุ โดยกันไม่ให้ สื่อมวลชนเข้าไปยังจุดที่เกิดเหตุ เกรงว่า จะเข้าไปทำลายวัตถุพยาน ในที่เกิดเหตุ หลังจากนั้น พล.ต.ต.ปราบพาล มีมงคล ผบก. นายชัยสิทธิ์ พานิชพงศ์ ผู้ว่าราชการจังหวัดยะลา พล.ต.อาคม พงศ์พรหม ผบ.ฉก.ยะลา ได้เข้าไปยังจุดเกิดเหตุ เพื่อไปให้ขวัญกำลังใจ เจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติ และอีกประมาณ 30 นาที พล.ท.พรศักดิ์ พูลสวัสดิ์ แม่ทัพภาคที่ 4 ได้เข้ามาตรวจสอบที่เกิดเหตุ ท่ามกลางการรักษาความปลอดภัยอย่างแน่นหนา โดยแม่ทัพภาคที่ 4 ได้เข้าไปตรวจสอบที่เกิดเหตุและดูการปฏิบัติของชุดอีโอดี และตำรวจกองพิสูจน์หลักฐาน ที่เข้าไปเก็บวัตถุพยานโดยใช้เวลาประมาณ 20 นาที ได้ออกมาและให้สัมภาษณ์สื่อมวลชนทันที
ก่อนที่ เจ้าหน้าที่ชั้นผู้ใหญ่จะเข้าไปตรวจสอบที่เกิดเหตุ ระหว่างทาง บริเวณเส้นทางสาย ลำพยา – ลำใหม่ บ้านปอเยาะ หมู่ที่ 4 ต.ลำใหม่ จนท.ได้พบ วัตถุต้องสงสัย ที่คนร้ายลอบวางไว้ริมถนน ห่างจากจุดเกิดเหตุประมาณ 2 กม. จนท.ชุดเก็บกู้วัตถุระเบิดศรศึก – ศรชัย ภ.จว.ยะลาได้ เข้าไปตรวจสอบที่ยิงทำลาย จากการยิงทำลาย พบว่า เป็นระเบิดแสวงเครื่อง บรรจุในกล่องเหล็กขนาด กว้าง 12 นิ้ว สูง 10 นิ้ว รอบกล่องเชื่อมด้วยเหล็กเส้นเป็นจำนวนมาก ข้างในบรรจุดินระเบิดและวงจรไฟฟ้า จุดชนวนด้วยแบตเตอรี่ ลากสายยาวประมาณ 200 กว่าเมตรเข้าไปยังทุ่งนา การเก็บกู้ระเบิดดังกล่าว ทำให้ เจ้าหน้าที่ชั้นผู้ใหญ่ ทั้ง ผบก. ผบ.ฉก.ยะลา และสื่อมวลชน ต้องติดอยู่ในจุดดังกล่าวกว่า 30 นาที จึงได้รับอนุญาตให้ผ่านมา
โดยแม่ทัพภาคที่ 4 กล่าวแบบมีอารมณ์ถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นว่า การที่มีกลุ่มคนบางคนต้องยกเลิกกฎหมายพิเศษออกจากพื้นที่ และยังไปเรียกร้องให้กับผู้ก่อเหตุที่เสียชีวิต ในขณะที่กฎหมายพิเศษ ที่บังคับใช้ในพื้นที่นั้น ตนเองไม่ได้เข้าไปใช้เดียว จะร่วมกับผู้นำในพื้นที่ทุกครั้งที่บังคับใช้ ต้องมั่นใจว่า การบังคับกฎหมายพิเศษ ในพื้นที่ ไม่มีทหารเข้าไปทำโดยโดดเดียว จะมีผู้นำในตำบลหมู่บ้านเข้าไปร่วมทุกครั้งโดยตลอด
สำหรับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ในครั้งนี้ แม่ทัพภาคที่ 4 กล่าวว่าเป็นเหตุการณ์ที่เกิดการสูญเสียกับพลเรือน ภาคประชาชน ที่มีความรุนแรงมากที่สุดในรอบหลายสิบปีที่ผ่านมา จะไปก่อเหตุกับ จนท.ทหาร ซึ่งมีความเข้มแข็ง ทำได้ยากขึ้น ยิงเข้ามา ทหารก็ยิงสวนออกไป ส่วนทำเลที่เกิดเหตุ แม่ทัพภาคที่ 4 บอกว่า ต่อไปต้องปรับยุทธศาสตร์ใหม่เป็นจรยุทธ์แล้ว ต่อไปภาคประชาชน ต้องเตรียมพร้อมอยู่รักษาความปลอดภัยบ้านใครบ้านมัน ไม่ใช่มานอนเพื่อรอเป็นเป้าอย่างนี้อีกแล้ว นอนป้อมอย่างนี้ มีอยู่เท่าไร เสร็จโจรหมด เพราะเราเป็นเป้าให้เขาเตรียมการมาเล่นงานเราได้สบาย ในขณะเดียวกัน ต้องเชื่อมโยงกับ หน่วยทหาร ชุดจรยุทธ สามารถที่เข้าไปให้ความช่วยเหลือชาวบ้านได้อย่างรวดเร็ว ฉับพลันด้วย
ด้านนายเจษฏา จิตรัตน์ รอง ผวจ.ยะลา ฝ่ายความมั่นคง เปิดเผยว่า จากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ทางจังหวัดยะลา ได้หารือกับส่วนราชการที่เกี่ยวข้อง เพื่อกำหนดแนวทางการให้ความช่วยเหลือเยียวทายาทของผู้เสียชีวิต ว่าได้มอบอำนาจให้ใครจะเป็นผู้รับมรดกการเยียวในครั้งนี้ โดยในเบื้องต้น จะได้รับตามสิทธิ์ของระเบียบทางราชการคนละ 5 แสนบาท
ด้านนายทะนง ไหมเหลือง นายก อบต.ลำพยา เปิดเผยว่า ตนเอง พร้อมผู้เสียชีวิต ได้มาร่วมประชุมหารือในมาตรการการดูแลความปลอดภัยตำบลหมู่บ้าน โดยมี จนท.ชรบ. อรบ. ประธานสภา อบต. อดีตกำนัน และชาวบ้านที่เกี่ยวข้อง ซึ่งก่อนจะเกิดเหตุ ตนเองได้ขออนุญาตกลับไปทำธุระในหมู่บ้าน ทำให้ตนเองรอดตายอย่างหวุดหวิด ส่วนเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ในหมู่บ้านของตนนั้น ไม่ค่อยเกิดเหตุบ่อยเท่าไรมากนัก แต่เกิดทุกครั้ง จะมีความรุนแรงทุกครั้ง ตั้งแต่ เริ่มเหตุการณ์ความไม่สงบในพื้นที่ ปี 47 เกิดเหตุกลุ่มผู้ก่อความไม่สงบ เข้ามาก่อเหตุตัดคอชาวบ้าน 1 ศพ และเมื่อ 3 เดือนที่ผ่านมา คนร้ายได้บุกยิงป้อมยามจุดตรวจบ้านต้นซด เมื่อวันที่ 7 ก.ค.62 ทำให้ จนท.อส และ ชรบ.เสียชีวิต 2 ศพ เหตุการณ์ที่เกิดขึ้น นั้นตนมองว่า ทางชาวบ้านไม่ได้มีความประมาท แต่ต้องยอมรับว่าการมาอยู่ป้อมยามนั้น มาอยู่เพื่อให้คนร้ายมายิงเท่านั้น เราจะยิงเขาเราก็ไม่รู้เป้า ตนเคยพูดเสมอว่า เรามาอยู่เพื่อให้เพื่อนมายิง เหตุที่เกิดไม่มีการบอกลางมาล่วงหน้าเลย เพราะชาวบ้านอยู่กันตามปกติ ไม่ใครรู้มาก่อนว่าจะเกิดเหตุกับตัว ซึ่งก่อนหน้ามีทางราชการแจ้งเตือนล่วงหน้ามาแล้ว แต่ชาวบ้านเคยชินกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในพื้นที่แล้ว
ขอบคุณข้อมูล : journalistthailand /อะหมัด รามันห์สิริวงศ์/ยะลา