วันนี้ 8 พฤศจิกายน 2562 ที่กองบังคับการตำรวจภูธรจังหวัดยะลา พลตำรวจโท รณศิลป์ ภู่สาระ ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 9 พลตำรวจตรี ปิยะวัฒน์ เฉลิมศรี รองผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 9 พลตำรวจตรี ปราบพาล มีมงคล ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดยะลา ได้เข้าร่วมประชุมกับเจ้าหน้าที่หน่วยปฎิบัติการร่วมพิเศษทหารพราน และเจ้าหน้าที่ชุดสืบสวนสอบ สวนตำรวจภูธรจังหวัดยะลา ชุดสืบสวนตำรวจภูธรจังหวัดปัตตานี เพื่อติดตามความคืบหน้าเหตุคนร้ายยิงถล่มป้อม ชรบ. บ้านตะวันออก หมู่ที่ 5 ตำบลลำพะยา อำเภอเมือง จังหวัดยะลา เป็นเหตุให้มี ชรบ. และชาวบ้านเสียชีวิต 15 ราย บาดเจ็บ 5 ราย เหตุเกิดเมื่อวันที่ 5 พฤศจิกายน 2562 ที่ผ่านมา โดยใช้เวลาประชุมนานกว่า 2 ชั่วโมง
พลตำรวจโท รณศิลป์ ภู่สาระ ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 9 เปิดเผย ภายหลังการประชุมว่า ในวันนี้เป็นการประชุมชุดสืบสวนทั้งหมด เนื่องจากคดีนี้มี 2 จังหวัด ที่มีความเชื่อมโยงกัน คือ ยะลา กับปัตตานี และได้เชิญเจ้าหน้าที่ทหารในพื้นที่มาร่วมประชุมแนวทางการสืบสวน ซึ่งแนวทางการสืบสวนที่เกิดเหตุทั้งหมดในวันเกิดเหตุ ปรากฏว่ามีการโจมตี 1 จุด นอกจากนั้น อีก 5 จุด เป็นพื้นที่การโปรยตะปูเรือใบ ตัดต้นไม้ขวางถนน ระเบิดเสาไฟ ซึ่งแต่ละพื้นที่มีพยานหลักฐานเยอะมากพอสมควร และจากจุดเกิดเหตุก็พบว่าคนร้ายได้ทิ้งสิ่งของบางอย่างที่สามารถติดตามตัวคนร้ายได้ไว้ในหลาย ๆ จุด การไล่ล่าติดตามจากรอยเลือด หรือจากพยานหลักฐานต่าง ๆ ในส่วนของการตรวจอาวุธปืนของคนร้ายที่เข้ามาในที่เกิดเหตุ พบว่าในที่เกิดเหตุมีการใช้ปืนอย่างน้อย 25 กระบอก ซึ่งรวมกับปืนของเจ้าหน้าที่ด้วย ซึ่งเมื่อตัดปืนของเจ้าหน้าที่ออกไป ก็น่าจะเป็นของคนร้าย 18 กระบอก จึงเชื่อว่าคนร้ายที่เข้าโจมตีในจุดนี้ 18 คน แต่จุดอื่นที่เหลืออีก 5 จุด ก็จะมีคนร้ายชุดอื่นปฎิบัติการ ซึ่งเชื่อว่าปฎิบัติการในครั้งนี้กลุ่มคนร้ายใช้กำลังประมาณ 40-50 คน
“…ผลจากการตรวจนิติวิทยาศาตร์ สามารถระบุกลุ่มคนร้ายได้ 2 กลุ่ม คือ กลุ่มที่มาจากยะหา กาบัง และบันนังสตา จังหวัดยะลา และอีกกลุ่มมาจากพื้นที่โคกโพธิ์ จังหวัดปัตตานี ซึ่งในการเชื่อมโยงของพยานหลักฐานก็พบว่า มีหลายเหตุการณ์ที่คนร้ายเคยใช้อาวุธปืนเหล่านี้ ขณะนี้ ทางพิสูจน์หลักฐาน กำลังเร่งตรวจสอบหลักฐาน ส่วนผู้ต้องสงสัยที่ควบคุมตัวเองไว้ 1 ราย เป็นบุคคลที่อยู่ในพื้นที่เกิดเหตุ แต่หลบหนีไปอยู่อีกพื้นที่ จึงได้ทำการเชิญตัวเข้าสู่กระบวนการซักถาม เบื้องต้นให้การปฎิเสธว่าไม่เกี่ยวข้องกับเหตุการณ์นี้ แต่รับว่าเคยก่อเหตุในเหตุการณ์อื่น สำหรับกลุ่มคนร้ายในครั้งนี้มาจาก 2 กลุ่ม คือ กลุ่มจากทางปัตตานีรวมถึง 4 อำเภอของสงขลา กลุ่มนี้ก็จะเชื่อมโยงกับการโจมตีจุดตรวจฆอลอปี และเมื่อ 2 เดือนก่อน อีกส่วนหนึ่งมาจากกาบัง ยะหา และบันนังสตา ซึ่งกลุ่มคนเหล่านี้ คือ กลุ่มที่ได้มีการออกหมายจับเอาไว้ในคดีอื่นแล้วหลบหนี และตนได้มีการพูดคุยกับท่านแม่ทัพภาค 4 แล้วว่าจะมีการเปิดปฎิบัติการเชิงรุกเพื่อติดตามคนร้ายที่ก่อเหตุให้ได้ภายใน 1-2 วันนี้ โดยกลุ่มคนร้ายกลุ่มนี้เป็นคนร้ายที่ติดตามจับกุมจากคดีเก่า ๆ มาโดยตลอด รู้ว่าเป็นใคร แต่หาตัวไม่เจอ เนื่องจากกลุ่มนี้จะอยู่ในพื้นที่ป่าเขา ซึ่งจะมีการปฎิบัติการในพื้นที่เหล่านี้ด้วย มีเป้าหมายแล้ว…”
อีกทั้ง มีรายงานจากชุดสืบสวนสอบสวนระบุว่า สำหรับกลุ่มคนร้ายที่ก่อเหตุในครั้งนี้แบ่งออกเป็นสองกลุ่มหลัก คือ กลุ่มจากปัตตานี และ 4 อำเภอของจังหวัดสงขลา จะมี นายบูคอรี หลำโซ๊ะ นายซอบรี หลำโซ๊ะ นายรอซาลี หลำโซ๊ะ 3 พี่น้องตระกูลหลำโซ๊ะ เป็นแกนนำกลุ่ม ส่วนกลุ่มของอำเภอกาบัง ยะหา และบันนังสตา จะมีนายอับดุลเลาะ โต๊ะเต้ นายรอกิ ดอเลาะ นายฮูไบดีละห์ รอมือลี นายอหมัด ตืองะ เป็นแกนนำกลุ่ม และร่วมปฎิบัติการกับกลุ่มเปอร์มูดอในพื้นที่ ซึ่งกลุ่มเปอร์มูดอ คือ กลุ่มแนวร่วมกลุ่มใหม่ที่ผ่านการฝึกการปฎิบัติการ และทางฝ่ายความมั่นคงยังไม่มีข้อมูล โดยสองกลุ่มหลักนี้รวมตัวกันเฉพาะกิจเพื่อปฎิบัติการในครั้งนี้
#ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 9 #ปฎิบัติการไล่ล่าแก๊งค์โจรใต้ยิงถล่มป้อม ชรบ. #สำนักข่าวกรมประชาสัมพันธ์ #NNT #ILOVETHAILAND
ขอบคุณข้อมูล : สำนักข่าวกรมประชาสัมพันธ์ (thainews.prd.go.th)