ข่าวใหม่อัพเดท » แม่ทัพภาคที่ 4 – ยืนยัน คดียิงป้อม ชรบ.ลำพะยา เจ้าหน้าที่ได้ปฏิบัติตามกฎหมายและเคารพในหลักสิทธิมนุษยชน

แม่ทัพภาคที่ 4 – ยืนยัน คดียิงป้อม ชรบ.ลำพะยา เจ้าหน้าที่ได้ปฏิบัติตามกฎหมายและเคารพในหลักสิทธิมนุษยชน

18 พฤศจิกายน 2019
0

แม่ทัพภาคที่ 4 ยืนยันคดียิงป้อม ชรบ.ลำพะยา เจ้าหน้าที่ได้ปฏิบัติตามกฎหมายและเคารพในหลักสิทธิมนุษยชน

        พลโท พรศักดิ์ พูลสวัสดิ์ แม่ทัพภาคที่ 4/ผู้อำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 เปิดเผยว่า ภายหลังเกิดเหตุ ได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่รวบรวมวัตถุพยานที่เก็บได้จากสถานที่เกิดเหตุ ประกอบด้วย ปลอกกระสุนปืนชนิดต่างๆ รอยเลือดตามเส้นทางถอนตัวหลบหนีและวัตถุพยานอื่นๆ ซึ่งคาดว่าเป็นของคนร้ายไปทำการตรวจพิสูจน์ทางนิติวิทยาศาสตร์และตรวจสารพันธุกรรม เพื่อเชื่อมโยงเครือข่ายคนร้ายที่ก่อเหตุ นอกจากนี้ ยังได้ร่วมประชุมหน่วยงานด้านการข่าวเพื่อวิเคราะห์ และกำหนดเป้าหมายบุคคลต้องสงสัย และพื้นที่ที่คาดว่าคนร้ายจะใช้หลบซ่อนตัว จนนำไปสู่การเข้าติดตามบังคับใช้กฎหมายในพื้นที่ สามารถควบคุมตัวบุคคลต้องสงสัยรวม จำนวน 11 ราย ปัจจุบันควบคุมตัวเพื่อซักถาม ณ หน่วยซักถาม หน่วยเฉพาะกิจกรมทหารพรานที่ 41, หน่วยเฉพาะกิจกรมทหารพรานที่ 43 และศูนย์ซักถาม หน่วยข่าวกรองทางทหารส่วนหน้า จังหวัดชายแดนภาคใต้ (ค่ายอิงคยุทธบริหาร) 

        จากผลการซักถามและตรวจหลักฐานทางนิติวิทยาศาสตร์ในขั้นต้นสามารถระบุตัวคนร้ายได้แล้ว 12 ราย ออกหมายจับแล้ว 3 ราย และจะทยอยออกหมายจับในส่วนที่เหลือต่อไปทั้งนี้เพราะกลุ่มผู้ก่อเหตุรุนแรงดังกล่าวเป็นบุคคลอันตรายและเคยก่อเหตุมาแล้วคนละหลายครั้ง จึงขอความร่วมมือช่วยกันแจ้งเบาะแสและร่วมปฏิเสธกลุ่มขบวนการ BRN ส่วนผู้ให้การสนับสนุนหรือให้ที่พักพิงจะมีความผิดตามกฎหมายในอัตราโทษเดียวกับผู้ก่อเหตุรุนแรง

        ทั้งนี้ ยืนยันว่าเจ้าหน้าที่ ได้ปฏิบัติทุกขั้นตอนของกฎหมายด้วยความระมัดระวังและเคารพในหลักสิทธิมนุษยชนอย่างเคร่งครัด ด้วยความโปร่งใสภายใต้การรับรู้ของผู้นำ 4 เสาหลัก และญาติโดยยืนยันว่าไม่มีการซ้อมทรมานดังที่สื่อแนวร่วมหรือบางฝ่ายพยายามบิด เบือนโจมตีในช่วงที่ผ่านมา และพร้อมที่จะเปิดโอกาสให้องค์กรด้านสิทธิมนุษยชน เข้าไปตรวจสอบการปฏิบัติของเจ้าหน้าที่ได้ตลอดเวลา หรือหากยังมีข้อสงสัยพร้อมที่จะเปิดหลักฐานจากกล้องวงจรปิดให้ดูได้เช่นกัน

        ภายหลังจากเกิดเหตุ พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ในฐานะรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม และผู้อำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร ได้สั่งการให้ทบทวนมาตรการรักษาความปลอดภัยเพื่อให้เกิดความเชื่อมั่นกับพี่น้องประชาชนมากยิ่งขึ้น โดยกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 ส่วนหน้า ได้ปรับแผนในการรักษาความปลอดภัยพื้นที่ โดยปรับรูปแบบการปฏิบัติของชุดรักษาความปลอดภัยหมู่บ้านเป็นแบบจรยุทธ์ไม่เป็นเวลาโดยไม่ให้อยู่ประจำที่ป้อม จัดชุดจู่โจมเคลื่อนที่เร็วส่งลงทางอากาศ ณ ที่หมาย และให้มีการซักซ้อมแผนเผชิญเหตุโดยหน่วยเฉพาะกิจประจำพื้นที่ ฝ่ายปกครองและเจ้าหน้าที่ตำรวจ ลงไปร่วมซักซ้อมร่วมปฏิบัติงาน โดยให้ระดับผู้บังคับบัญชาได้ติดตาม/ตรวจเยี่ยมการปฏิบัติงาน เพื่อเสริมสร้างขวัญและกำลังใจอย่างต่อเนื่อง รวมไปถึงการขยายพื้นที่รับผิดชอบของกำลังทหารหลัก และกำลังทหารพรานให้ครอบคลุมทุกหมู่บ้าน ตลอดจนดำเนินการตามแผนพิทักษ์ประชาชน และทรัพยากรในหมู่บ้านเพื่อจำกัดเสรีผู้ก่อเหตุรุนแรง และปัญหายาเสพติด/ภัยแทรกซ้อนอื่นๆ และสร้างการรับรู้และกระบวนการมีส่วนร่วมของประชาชนผ่านเวทีสภาสันติสุขทั้ง 290 ตำบล เพื่อรับฟังความคิดเห็นและข้อเสนอแนะการแก้ปัญหารวมทั้งการออกมาประกาศจุดยืนเพื่อต่อต้านและปฏิเสธการใช้ความรุนแรงของกลุ่มขบวนการ BRN ในทุกรูปแบบ

        กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 ส่วนหน้า จะเร่งรัดแก้ปัญหาให้ครอบคลุมทั้งมิติความมั่นคง การสร้างความเข้าใจและการพัฒนาเพื่อความมั่นคง ตามแนว ทางการเมืองนำการทหาร เปิดโอกาสรับฟังความคิดเห็นและสร้างกระบวนการมีส่วนร่วมจากทุกภาคส่วนเพื่อสร้างสภาวะให้เกื้อกูลและหนุนเสริมกระบวนการพูดคุยเพื่อสันติสุข นำพาสันติสุขสู่จังหวัดชายแดนภาคใต้ต่อไป

#แม่ทัพภาคที่ 4 #ปฏิบัติตามกฎหมาย #สำนักข่าวกรมประชาสัมพันธ์ #NNT #ILOVETHAILAND

ขอบคุณข้อมูล : thainews

error: Content is protected !!