รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี พร้อมคณะ ได้เดินทางมาตรวจติดตาม กรณีที่วัดอรัญญิกาวาสและวัดหนองเกตุใหญ่จังหวัดชลบุรี หลังพบมีการร้องเรียนเกี่ยวกับเรื่องการปล่อยให้เช่าที่ดินของวัดฝั่งตรงข้าม และกระแสเอื้อทัวร์จีนจำหน่ายของวัตถุมงคลราคาแพง
พัทยา-เมื่อวันที่ 19 พฤศจิกายน 2562 ที่ศาลากลางจังหวัดชลบุรี อำเภอเมือง จังหวัดชลบุรี นายเทวัญ ลิปตพัลลภ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี พร้อมคณะเข้าประชุมรับฟังข้อปัญหากับผู้ร้องเรียนที่ห้องประชุม ชั้น 2 ศาลากลางจังหวัดชลบุรี โดยมีนายภัครธรณ์ เทียนไชย ผู้ว่าราชการจังหวัดชลบุรี สำนักงานพระพุทธศาสนาจังหวัดชลบุรี และหน่วยงานที่มีส่วนเกี่ยวข้องในเรื่องที่ถูกร้องเรียนก่อนที่จะลงพื้นที่สำรวจ
นายเทวัญ ลิปตพัลลภ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี พร้อมคณะ ได้เดินทางมาตรวจติดตาม กรณีที่วัดอรัญญิกาวาส ตำบลบ้านสวน อำเภอเมือง จังหวัดชลบุรี ในปัญหาการร้องเรียนเกี่ยวกับกรณีการปล่อยให้เช่าที่ดินของวัดฝั่งตรงข้าม ซึ่งเป็นลักษณะอาคารพาณิชย์ที่ประกอบธุรกิจมายาวนานกว่า 30 ปี และเมื่อสัญญาหมดลง ทางวัดจึงได้ปล่อยให้บริษัทเอกชน คือบริษัท จีดี โปรเกส เป็นตัวแทนการเช่า ซึ่งบริษัทดังกล่าวได้จ่ายค่าเช่าให้ทางวัด เดือนละ 490 บาท และได้ปล่อยให้ผู้เช่าที่เช่ามาก่อนในราคาเดือนละ 5,000 ซึ่งมีผู้เช่าจำนวน 47 รายที่รับได้กับค่าเช่าที่ปรับนี้ และมี 4 รายที่ต้องการกลับไปเช่าโดยตรงกับทางวัด โดยไม่ผ่านบริษัทตัวแทนผู้เช่าช่วง และร้องเรียนกับนายเทวัญ ลิปตพัลลภ รมต ประจำสำนักนายกรัฐมนตรีว่า บริษัท จีดี โปรเกส มีส่วนได้ส่วนเสียกับเจ้าอาวาสวัดอรัญญิกาวาส และวัดควรจะได้รับประโยชน์มากกว่าที่เป็นอยู่ โดยนายเทวัญ ได้ลงพื้นที่รับทราบเรื่องร้องเรียน และมอบหมายให้ นายภัครธรณ์ เทียนไชย ผู้ว่าราชการจังหวัดชลบุรี เร่งดำเนินการต่อไป
จากนั้นช่วงบ่าย นายเทวัญ ลิปตพัลลภ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี พร้อมด้วย นายภัครธรณ์ เทียนไชย ผู้ว่าราชการจังหวัดชลบุรี นายอำนาจ เจริญชาศรี นายอำเภอบางละมุง พ.ต.อ กรวัฒน์ หันประดิฐรองผู้บังคับการตำรวจจังหวัดชลบุรี รักษาการ พ.ต.อ.กรวัฒน์ หันประดิษฐ์ รรท. ผกก.สภ.บางละมุง จ.ชลบุรี เจ้าหน้าที่สำนักงานคุ้มครองผู้บริโภค เข้าหน้าที่ฝ่ายปกครองและเจ้าหน้าที่ตำรวจ ร่วมกันลงตรวจสอบ วัดหนองเกตุใหญ่ ต.หนองปลาไหล อ.บางละมุง จ.ชลบุรี หลังเคยมีการร้องเรียนจากนักท่องเที่ยว ว่ามีการจำหน่ายวัตถุมงคลราคาสูงให้กับทีวร์จีน จนเป็นข่าวดังเมื่อช่วงต้นปี 2561 ซึ่งก่อนหน้านี้ทางวัดก็ได้ออกมาชี้แจ้งแล้ว ว่าไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องกับการจำหน่ายเครื่องรางของขลังแต่อย่างใด เพียงปล่อยพื้นที่บางส่วนให้ภาคเอกชนเช่าประกอบการเท่านั้น
ซึ่งในการลงตรวจสอบครั้งนี้ก็ยังพบว่าพบเป็นอาคารหลังใหญ่อยู่ในบริเวณวัด สร้างอย่างสวยงาม ด้านใน มีห้องอยู่ห้าห้อง ปูพรหมอย่างดี ติดเครื่องปรับอากาศ เย็นสบายทุกห้อง ทุกห้องมี ตู้ขายเครื่องราง ของขลัง วัตถุมงคล มากมาย เพื่อไวจำหน่ายให้นักท่องเที่ยว เป็นลักษณะพระเครื่องจำนวนมาก มีราคาตั้งแต่หลักพันถึงหลักแสนบาท พบว่ามีป้ายราคาติดไว้ชัดเจน แต่ไม่มีการระบุถึงน้ำหนักของกรอบทอง ซึ่งก็จะต้องเข้าชี้แจงกับเจ้าหน้าที่สำนักงานคุ้มครองผู้บริโภค
ซึ่งนายจรนต์ ทิมเที่ยง อายุ 94 ปี ไวยาวัจกร ของวัด ได้เปิดเผยว่าในส่วนของพื้นที่วัดที่หน่วยงานเอกชนเข้ามาใช้ ทำเป็นสถานที่ท่องเที่ยวและจำหน่ายเครื่องรางของขลังให้กับนักท่องเที่ยวนั้น ได้มีการทำสัญญาเช่ากันในราคา 50,000 บาทต่อเดือน โดยทำสัญญาเป็นเวลา 3 ปี ในส่วนของราคาและรายได้จากการจำหน่ายของขลังนั้น ทางผู้เช่าได้กำหนดเองทั้งหมด ทางวัดไม่มีส่วนเข้าไปเกี่ยวข้อง ทางวัดจากได้เพียงแต่เงินที่นักท่องเที่ยวได้บริจาคใส่ตู้ไว้เท่านั้น
อย่างไรก็ตาม สำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่าหากทางวัดมีการขออนุญาตเป็นพื้นที่กันเป็นเขตจัดประโยชน์ถูกต้องก็จะไม่มีความผิด แต่ในส่วนของการติดฉลากบอกข้อมูลเครื่องรางที่จำหน่ายไม่ชัดเจนก็ต้องเข้าชี้แจงต่อเจ้าหน้าที่ สคบ. ส่วนในเรื่องราคานั้นก็ขึ้นอยู่กับความศรัทธาของนักท่องเที่ยว
พัทยา จ.ชลบุรี /โยธิน พรมแตง
-คัมภีร์ อาบสุวรรณ์-วิรัตน์ ขำแตร-ศิระ แย้มตระกูล *086-1499878