(22 พ.ย.62) ผู้สื่อข่าวรายงานเมื่อเวลา13.00 น. ณ เรือนรับรอง มลฑลทหารบก 46(มทบ. 46) พล.ท. พรศักดิ์ พูลสวัสดิ์ มทภ.4/ผอ.รมน.ภาค 4 พร้อมด้วย พล.ต.ท. รณศิลป์ ภู่สาระ ผบช. ภ.9, นายสมนึก พรหมเขียว รอง ผวจ.ปัตตานี หัวหน้าหน่วยงานต่าง ๆ และเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง ได้จัดแถลงข่าว จากกรณีเจ้าหน้าที่ได้สนธิกำลัง 3 ฝ่าย เข้าติดตามบังคับใช้กฎหมาย ในพื้นที่บ้านคอลอตันหยง อ.หนองจิก จ.ปัตตานี และได้ปะทะกับกลุ่มคนร้าย เป็นเหตุให้คนร้ายเสียชีวิต 2 ราย เหตุเกิดเมื่อวันที่ 21 พ.ย.ที่ผ่านมา
ซึ่งการปฏิบัติในครั้งนี้ เป็นผลมาจากการได้รับแจ้งข่าว จากแหล่งข่าวภาคประชาชนว่า พบบุคคลต้องสงสัยเข้ามาพักหลบซ่อนในพื้นที่ จึงได้มีการจัดกำลังร่วม 3 ฝ่าย พร้อมประสานผู้นำ 4 เสาหลัก เข้าทำการตรวจสอบในพื้นที่เป้าหมาย และมีความพยายามในการเจรจาเกลี้ยกล่อมให้คนร้ายมอบตัว นานกว่า 3 ชม.แต่ไม่เป็นผลสำเร็จ และคนร้ายได้ใช้อาวุธยิงใส่เจ้าหน้าที่ จึงเกิดการปะทะกันและเป็นเหตุให้คนร้ายเสียชีวิต 2 ราย ซึ่งทั้ง 2 รายเป็นผู้ก่อเหตุรุนแรงระดับแกนนำ โดยเป็นคนร้ายกลุ่มเดียวกับที่เข้าโจมตีสังหารหมู่ 15 ศพ ที่ลำพะยา, โจมตีชุดคุ้มครองตำบลปะกาฮารัง จ.ปัตตานี, ปล้นตู้ ATM ที่หน้ามหาวิทยาลัยฟาฎอนี, ปล้นร้านทองที่ อ.นาทวี และอีกหลายเหตุการณ์สำคัญในพื้นที่ สร้างความสูญเสียทั้งชีวิตและทรัพย์สินของทางราชการ และพี่ น้องทั้งพุทธและมุสลิม เป็นจำนวนมาก
โดยแม่ทัพภาคที่ 4 ได้กล่าวขอบคุณแหล่งข่าวภาคประชา ชน ที่ช่วยกันแจ้งเบาะแส, ผู้นำ 4 เสาหลักในพื้นที่ที่ได้ช่วยกันเจรจาเกลี้ยกล่อม และเจ้าหน้าที่อาสาสมัครทหารพรานหญิงที่เสี่ยงชีวิตเข้าช่วยเหลือเด็กและสตรีเข้าสู่พื้นที่ปลอดภัยได้สำเร็จ ทั้งนี้จะเร่งรัดตรวจพิสูจน์หลักฐาน เพื่อขยายผลกลุ่มก่อเหตุ และจะใช้มาตรการทางกฎหมายขั้นเด็ดขาดเข้าดำเนินการต่อกลุ่มคนร้ายที่เหลือ เพื่อคืนความยุติธรรมให้กับเหยื่อจากการใช้ความรุนแรง โดยเร็วที่สุดต่อไป
ผู้สื่อข่าวรายงานข้อมูลจากหน่วยงานความมั่นคงเล่าถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นว่าขอเป็นกำลังใจและชื่นชมที่พี่น้องประชา ชน..ได้ออกมาช่วยกันแจ้งข่าวเบาะแสคนร้ายหรือสิ่งผิดปกติต่างๆ ที่ได้พบเห็น ให้เจ้าหน้าที่ที่อยู่ใกล้บ้านได้ทราบ หรือแจ้งผ่านหมายเลข 1371 ได้ตลอด 24 ชม. เพื่อร่วมด้วยช่วยกันในการป้องกันเหตุร้าย และสร้างสันติสุขให้เกิดขึ้นในชุมชนของเราสืบไป..
โดยเมื่อวันที่ 21 พฤศจิกายนที่ผ่านมา ชาวบ้านในตำบลคอลอตันหยง อ.หนองจิก จ.ปัตตานี ได้แจ้งข่าวให้เจ้าหน้าที่ทราบว่า มีความผิดปกติเกิดขึ้นในหมู่บ้าน มีความเคลื่อนไหวบางอย่างที่ผิดสังเกต เกรงว่าจะมีการก่อเหตุร้ายขึ้นเหมือนกับหลายๆ เหตุ การณ์ที่เพิ่งเกิดขึ้นมาในช่วงที่ผ่านมานี้
ต่อมาในวันเดียวกัน เวลาประมาณหนึ่งทุ่ม เจ้าหน้าที่ทหารพรานและตำรวจในพื้นที่ได้เข้าปิดล้อม บ้านของนายอับดุลเลาะ โต๊ะรายอ ตามที่ได้สืบทราบมาว่า มีคนร้ายหนีคดีสำคัญหลบซ่อนอยู่ โดยได้ให้ผู้นำชุมชนช่วยเจรจาขอให้มอบตัวโดยดี แต่คนร้ายกลับใช้อาวุธปืนยิงใส่เจ้าหน้าที่เพื่อหวังแหกวงล้อมหลบหนี จึงเกิดการยิงปะทะกันขึ้น ผลสุดท้าย คนร้ายตาย 2 ศพ ทราบชื่อในภายหลังว่าคือ นายซอบรี หลำโซ๊ะ และ นายมะยะโก๊ะ ลาเต๊ะ ซึ่งเป็นผู้ที่ถูกออกหมายจับ ป.วิอาญา และเกี่ยวข้องกับเหตุการณ์ในอีกหลายคดี
นายซอบรี หลำโซ๊ะ เป็นผู้มีส่วนเกี่ยวข้องกับการก่อเหตุรุน แรงหลายคดี เช่น
- คาร์บอมบ์หน้าห้าง “บิ๊กซี ปัตตานี” เมื่อ 9 พ.ค.60
- คดีปล้นรถกระบะ 6 คันจากเต็นท์รถ “วังโต้ คาร์เซ็นเตอร์” ใน อ.นาทวี จ.สงขลา นำไปทำคาร์บอมบ์ เมื่อ 17 ส.ค.ปีเดียวกัน
- เหตุการณ์คาร์บอมบ์ใกล้กับหน่วยเฉพาะกิจสงขลา ต.ท่า ม่วง อ.เทพา จ.สงขลา เมื่อช่วงเช้ามืดวันอังคารที่ 8 ม.ค. เป็นคาร์บอมบ์ลูกแรกของปี 62
- คดีโจมตีจุดตรวจ ชคต.บ้านกอแลปิเละ ต.ปะกาฮารัง อ.เมือง จ.ปัตตานี มีผู้เสียชีวิต 4 ราย เมื่อ 23 ก.ค.62 (หลังเกิดกรณี อับดุลเลาะ อีซอ มูซอ ถูกจับและหมดสติในค่ายทหารเพียง 3 วัน)
- คดีปล้นร้านทองใน อ.นาทวี เมื่อ 24 ส.ค.ปีเดียวกัน
- คดีซุ่มยิง อส.ชุดคุ้มครองตำบลนาประดู่ อ.โคกโพธิ์ จ.ปัตตานี เมื่อ 16 ก.ย.
- และล่าสุดก็คือเหตุโจมตีป้อม ชรบ.ที่ลำพะยา
นายมะยะโก๊ะ ลาเต๊ะ พบมีประวัติก่อเหตุโชกโชน เป็นสมาชิกกลุ่มปฏิบัติการ/มือปืน, มือประกอบวัตถุระเบิด,
- เคยก่อเหตุลอบวางระเบิด จนท.ทหาร ร้อย.ร.1614 ฉก. ปัตตานี 21 เมื่อ 26 พ.ค.51
- การกราดยิง อ.ส.ที่บ้านปะกาฮารัง
- เหตุปล้นร้านทอง ที่จังหวัดสงขลา
- ปล้นตู้ ATM ที่มหาวิทยาลัยฟาตอนี
- และล่าสุดตกเป็นผู้ต้องสงสัยเหตุยิงป้อม ชรบ.ลำพะยา เมื่อ 5 พ.ย. ใน ต.ลำพะยา อ.เมืองยะลา ที่ทำให้มีผู้เสียชีวิตมากถึง 15 ศพ
ส่วนศพทั้งสองเจ้าหน้าที่ได้เคลื่อนย้ายนำเก็บไว้ที่โรงพยา บาลปัตตานี เพื่อการชันสูตรพลิกศพ ตรวจพิสูจน์ดีเอ็นเอ เพื่อยืน ยันตัวตนของผู้เสียชีวิตทั้งสองศพนั้นเป็นใคร เนื่องจากไม่พบเอกสารยืนยันตัวตนแต่อย่างใด ทางพนักงานสอบสวนต้องเรียกสอบปากคำญาติบางส่วนเพื่อรับทราบข้อมูลเกี่ยวกับประวัติผู้เสียชีวิต จนทำให้การรับมอบศพให้กับญาติเป็นไปล่าช้ามากที่มารอรับรับศพตั้งแต่เช้าตรู่ เพื่อนำไปประกอบพิธีทางศาสนา จนเกิดภาวะหงุดหงิดและไม่พอใจต่อการล่าช้า โชคดีที่ได้รับการประสานจากหน่วยศูนย์สันติวิธี กอ.รมน.ในการอำนวยความสะดวกในครั้งนี้จนสามารถนำศพทั้งสองกลับไปยังบ้านเกิดในเวลาประมาณ 14.30 น.
ขอบคุณข้อมูล : spmcnews.com