(6 ธ.ค.2562) จากกรณีเจ้าหน้าที่ได้สนธิกำลังเข้าขยายผลบังคับใช้กฎหมายกับกลุ่มคนร้ายเหตุสังหารหมู่ ชรบ.ลำพะยาและได้ปะทะกันขึ้น บนภูเขา ต.ห้วยกระทิง อ.กรงปินัง จ.ยะลา เหตุเกิดเมื่อวันที่ 4 ธ.ค.2562 ที่ผ่านมา โดยเจ้าหน้าที่สามารถตรวจยึดอาวุธปืนได้ 2 กระบอก และพบที่พัก 8 หลัง อุปกรณ์ยังชีพและอื่นๆ หลายรายการ นั้น
คืบหน้าล่าสุด พ.อ.วัชรกร อ้นเงิน รองโฆษก กอ.รมน.ภาค 4 ส่วนหน้า เปิดเผยว่า จากกรณีเหตุเจ้าหน้าที่ได้ทำการลาดตระเวนพิสูจน์ทราบ แหล่งหลบซ่อนพักพิง(ซัพพอร์ต ไซต์) ของกลุ่มบุคคลเป้าหมาย บริเวณพื้นที่ป่าภูเขา บ้านตะโล๊ะสะโต หมู่ที่ 6 ต.สะเอะ อ.กรงปินัง จ.ยะลา และได้เกิดการปะทะกันขึ้นกับกลุ่มบุคคลต้องสงสัย ภายหลังเสียงปืนสงบลง บุคคลต้องสงสัยได้วิ่งหลบหนี ไม่ทราบการสูญเสีย ส่วนเจ้าหน้าที่ปลอดภัย และสามารถตรวจยึดอาวุธปืน และวัตถุพยานอีกหลายรายการ ประกอบด้วย
1) ไปร์บอม 2 ลูก
2) อาวุธปืน M16 A2 จำนวน 1 กระบอก
3) อาวุธปืนพก ขนาด 9 มม. จำนวน 1 กระบอก
4) กระสุนขนาด 9 มม.
5) กระสุนขนาด 5.56 หลายนัด
6) ซองกระสุนขนาดบรรจุ 30 นัด จำนวน 4 ซอง
7) กล้องส่องสองตา 1 ตัว
8) โทรศัพท์ 4 เครื่อง
9) วิทยุสื่อสาร 2 เครื่อง
10) เสื้อผ้า
11) กระเป๋าสะพายหลัง
12) รองเท้า
13) เลื่อยธนู
14) ยาเวชภัณฑ์
15) อุปกรณ์ดำรงชีพ
ทั้งนี้ ระเบิดไปท์บอมที่ตรวจพบนั้น เป็นลักษณะเดียวกันกับที่ใช้ก่อเหตุสังหารหมู่ผู้บริสุทธิ์ 15 ศพ ในพื้นที่ บ.ทางลุ่ม ต.ลำพะยา จ.ยะลา เมื่อวันที่ 4 พ.ค. 62 ที่ผ่านมา โดยคาดว่าน่าจะเป็นคนร้ายกลุ่มเดียวกัน ที่หลบหนีมากบดานอยู่ในพื้นที่ดังกล่าว ปัจจุบันหน่วยยังคงปิดล้อมโดยรอบพื้นที่ เพื่อติดตามบังคับใช้กฎหมายกับกุมคนร้ายต่อไป
การดำเนินการสนธิกำลังเข้าปฏิบัติการในครั้งนี้ สืบเนื่องจากการให้ข้อมูลของผู้ถูกควบคุมตัวก่อนหน้านี้ ซึ่งยอมรับว่าเป็นผู้ให้การสนับสนุนและอยู่ในการร่วมประชุมวางแผนสังหารหมู่ประชาชนผู้บริสุทธิ์ในพื้นที่ลำพะยา จนนำมาสู่การปิดล้อมพื้นที่ดังกล่าว โดย พล.ท.พรศักดิ์ พูลสวัสดิ์ แม่ทัพภาคที่ 4 / ผู้อำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 ได้เฝ้าติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด และได้สั่งการเน้นย้ำให้ใช้ความระมัดระวังในการปฏิบัติ พร้อมส่งกำลังเข้าสนับสนุนและปิดล้อมเส้นทางหลบหนีโดยรอบทุกช่องทาง โดยคาดว่าจะได้ตัวคนร้ายในเร็ววันนี้
กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 ส่วนหน้า จึงข้อความร่วมมือ และแจ้งเตือนมายังพี่น้องประชาชน หากพบเห็นเบาะแสคนร้ายให้รีบแจ้งเจ้าหน้าที่ทราบที่สายด่วน 1341 หรือหน่วยเฉพาะกิจใกล้เคียงที่อยู่ในพื้นที่ พร้อมปฏิเสธการช่วยเหลือและสนับสนุนในทุกรูปแบบเพราะหากให้การช่วยเหลือ สนับสนุนถือว่าได้ร่วมกระทำความผิดและจะมีความผิดตามกฎหมายเทียบเท่าผู้ก่อเหตุอีกด้วย
#ศูนย์ประชาสัมพันธ์
#กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค4ส่วนหน้า
ขอบคุณข้อมูล : ศูนย์ประชาสัมพันธ์ กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 ส่วนหน้า – เพจใหม่ /southpeace.go.th
สำนักข่าวความมั่นคง