วันจันทร์ที่ 9 ธ.ค.62 เวลา 10.00 น.ณ ห้องประชุมมหาเมฆ ชั้น 4 อาคาร 1 สตม.(สวนพลู) สาธร กทม. : พล.ต.ต.ชูฉัตร ธารีฉัตร รอง ผบช.สตม. พร้อมด้วย พล.ต.ต.วีรพล เจริญศิริ ผบก.ตม.2 และ พ.ต.อ.เกติ์ฉกาจ นิลประดับ รอง ผบก.ตม.2 ได้ร่วมกันแถลงข่าวการระดมกวาดล้างอาชญากรรมและกวดขันจับกุมคนต่างด้าวที่เข้ามาอยู่ในราชอาณาจักรโดยผิดกฎหมาย หรือ ที่มีพฤติกรรมจะเข้ามากระทำความผิดทางอาญา หรือ ก่อความเดือดร้อนวุ่นวายให้บังเกิดผลอย่างเป็นรูปธรรม
ทั้งนี้ พล.ต.ต.วีรพล เจริญศิริ ผบก.ตม.2 ได้รับรายงานจาก พ.ต.อ.เพลิน กลิ่นพยอม ผกก.กก.สส.ปป.บก.ตม.2 ว่าในห้วงระหว่างเดือน พ.ย.62 ที่ผ่านมา กองกำกับการสืบสวนปราบปราม กองบังคับการตรวจคนเข้าเมือง 2 ร่วมแถลงข่าว Biometrics สุดยอด พาสปลอม พาสหน้าเหมือนไม่รอดสายตา ระบบ Biometrics จับรวดถึง 9 คดี ในรอบเดือน พฤศจิกายน
รายที่ 1 เมื่อวันที่ 5 พ.ย.62 เวลาประมาณ 21.15 น. จับกุมชายชาวเม็กซิโกใช้หนังสือเดิน ทางของผู้อื่นเพื่อขอรับการตรวจลงตรา โดยผู้โดยสารเดินมากับเพื่อนสัญชาติเดียวกันลักษณะเป็นกรุ๊ปทัวร์ รวมทั้งสิ้น 11 คน เริ่มท่องเที่ยวตั้งแต่ประเทศเม็กซิโก มากรุงปารีส ประเทศฝรั่งเศส เมืองบาร์เซโลนา ประเทศสเปน และจะเดินทางมาท่องเที่ยวในประเทศไทย 5 วัน ก่อนจะมีกำหนดการเดินทางกลับประเทศเม็กซิโกในวันที่ 11 พ.ย.62 เมื่อเจ้าหน้าที่ฝ่ายตรวจลงตรานำหนังสือเดินทางตรวจสอบกับระบบ Biometrics ปรากฏว่าระบบแจ้งเตือนผู้โดยสารมีใบหน้าตรงกับภาพในหน้าข้อมูลส่วนบุคคลเพียง 20 เปอร์เซ็นต์ สารภาพกับเจ้าหน้าที่กองกำกับการสืบสวนปราบปรามฯ ว่า ต้องการมาเที่ยวทัวร์กับเพื่อนๆ แต่ไม่มีหนังสือเดินทางจึงต้องใช้หนังสือเดินทางของผู้อื่นในการเดินทาง เจ้าหน้าที่กองกำกับการสืบสวนปราบปรามฯ จึงจับกุมในข้อหา “ใช้หนังสือเดินทางของผู้อื่นโดยมิชอบในประการที่น่าจะก่อให้เกิดความเสียหายต่อผู้อื่นหรือประชาชน” และนำตัวส่ง พนักงานสอบสวน สภ.ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ เพื่อดำเนินคดีต่อไป
รายที่ 2 เมื่อวันที่ 7 พ.ย.62 เวลาประมาณ 20.30 น. จับกุมชายชาวจีน ใช้หนังสือเดิน ทางของผู้อื่นเพื่อขอรับการตรวจลงตรา โดยผู้โดยสารเดินมาจากประเทศโมร็อคโคกับแฟนสาว เพื่อท่องเที่ยวในประเทศไทย เมื่อเจ้าหน้าที่ฝ่ายตรวจ ลงตรานำหนังสือเดินทางตรวจสอบกับระบบ Biometrics ปรากฏว่าระบบแจ้งเตือนผู้โดยสารมีใบหน้าตรงกับภาพในหน้าข้อมูลส่วนบุคคลเพียง 20 เปอร์เซ็นต์ สารภาพกับเจ้าหน้าที่กองกำกับการสืบสวนปราบปรามฯ ว่าตนทำงานอยู่ในประเทศโมร็อคโคโดยใช้หนังสือเดินทางเล่มดังกล่าวซึ่งเป็นของญาติ เจ้าหน้าที่กองกำกับการสืบสวนปราบปรามฯ จึงจับกุมในข้อหา“ใช้หนังสือเดินทางของผู้อื่นโดยมิชอบในประการที่น่าจะก่อให้เกิดความเสียหายต่อผู้อื่นหรือประชาชน” และนำตัวส่งพนักงานสอบสวน สภ.ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ เพื่อดำเนินคดีต่อไป
รายที่ 3 เมื่อวันที่ 13 พ.ย.62 เวลาประมาณ 18.00 น. จับกุมชายไม่ทราบชื่อสกุล และสัญชาติที่แท้จริง โดยเจ้าหน้าที่ กก.สส.ปป.บก.ตม 2 (ชป.1) ได้ออกตรวจความเรียบร้อย บริเวณเคาน์เตอร์ออกบัตรโดยสาร B10 พบว่ามีบุคคลต่างด้าวถือหนังสือเดินทางพิรุธต้องสงสัย จึงได้แสดงตัวเป็นเจ้าพนักงานตรวจคนเข้าเมือง ขอตรวจสอบหนังสือเดินทางและเอกสารการเดินทาง ซึ่งจากการสอบถามบุคคลต่างด้าวดังกล่าว ยอมรับว่าตนมีความประสงค์จะเดินทาง ออกนอกราชอาณาจักรไปยังกรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษ โดยสายการบิน BRITISH AIRWAYS เที่ยวบินที่ BA10 เพื่อต่อเครื่องไปยังกรุงมาดริด ประเทศสเปน โดยสายการบิน BRITISH AIRWAYS เที่ยวบินที่ BA7065 โดยได้นำถือหนังสือเดินทางประ เทศอิสราเอล แสดงให้เจ้าหน้าที่ชุดจับกุมดู และเมื่อตรวจสอบความถูกต้องของหนังสือเดิน ทางเบื้องต้น พบว่ามีลักษณะแตกต่างจากหนังสือเดินทางประเทศ อิสราเอลที่แท้จริง เจ้าหน้าที่ชุดจับกุมจึงได้แจ้งให้ผู้ถูกจับทราบว่าจะต้องถูกจับในข้อกล่าวหา “ปลอมและใช้หรือมีไว้ซึ่งหนังสือเดินทางของปลอม (หนังสือเดินทางประเทศอิสราเอล (ปลอม) ในการเดินทางระหว่างประเทศ” จึงได้ร่วมกันจับกุมตัว พร้อมของกลาง นำส่งพนักงานสอบสวน สภ.ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
รายที่ 4 เมื่อวันที่ 22 พ.ย.62 เวลาประมาณ 00.30 น. จับกุมชายชาวบังคลาเทศใช้หนังสือเดินทางของประเทศแคนาดาปลอม โดยเจ้าหน้าที่ กก.สส.ปป.บก.ตม 2 (ชป.3) ได้ออกตรวจความเรียบร้อยพบผู้โดยสารลักษณะต้องสงสัยเดินทางมาจากประเทศจีน โดยเที่ยวบิน Shanghai Airlines เที่ยวบิน FM853 กำลังจะขอรับการตรวจอนุญาตเข้าราชอาณาจักร โดยผู้โดยสารแสดงหนังสือเดินทางประเทศแคนาดาให้เจ้าหน้าที่ตรวจสอบเมื่อตรวจสอบความถูกต้องของหนังสือเดินทางเบื้องต้น พบว่ามีลักษณะแตกต่างจากหนังสือเดิน ทางประเทศแคนาดาที่แท้จริง โดยชายคนดังกล่าวสารภาพว่าตนเป็นชาวบังคลาเทศ ได้หนังสือเดินทางปลอมมาจากนายหน้าชาวปากีสถานชื่อ นายโมฮัมหมัด โดยจ่ายเงิน 1,200,000 บังคลาเทศ หรือ 426,000 บาทไทย ให้กับนายหน้าคนดังกล่าว เจ้าหน้าที่ชุดจับกุมจึงได้แจ้งให้ผู้ถูกจับทราบว่าจะต้องถูกจับในข้อกล่าวหา “ปลอมและใช้หรือมีไว้ซึ่งหนังสือเดินทางของปลอมฯ (หนังสือเดินทางประเทศแคนาดาปลอม)” และนำตัวส่งพนักงานสอบสวน สภ.ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ เพื่อดำเนินคดีต่อไป
รายที่ 5 และ 6 เมื่อวันที่ 22 พ.ย.62 เวลาประมาณ 20.30 น. จับกุมชายชาวโมร็อคโค 2 ราย ใช้วีซ่าสวิสปลอม เพื่อเดินทางไปประเทศสเปน โดยเจ้าหน้าที่ กก.สส.ปป.บก.ตม 2 (ชป.1) ได้ออกตรวจความเรียบร้อย พบผู้โดยสารกำลังเช็คอินกับสายการบินกาตาร์ โดยผู้โดยสารแสดงหนังสือเดินทางประเทศแคนาดา ให้เจ้าหน้าที่ตรวจสอบเมื่อตรวจสอบความถูกต้องของ วีซ่าสวิสเบื้องต้น พบว่ามีลักษณะแตกต่างจากวีซ่าที่แท้จริง โดยชายทั้ง 2 คน สารภาพว่า มีญาติทำงานอยู่ที่ประเทศสเปน ตนเองไดติดต่อนายหน้าชาวโมร็อคโค ชื่อ นายนาบิล เป็นผู้ดำเนินการและเสียค่าดำเนินการเป็นเงิน 4,000 ยูโร (คิดเป็นเงินไทย 133,000 บาท) เพื่อเดินทางไปลักลอบทำงานกับญาติ เจ้าหน้าที่ชุดจับกุมจึงได้แจ้งให้ผู้ถูกจับทราบว่าจะต้องถูกจับในข้อกล่าวหา “ปลอมและใช้แผ่นปะตรวจลงตราปลอม (วีซ่าในกลุ่มประเทศยุโรป)อันใช้ในการตรวจลงตราสำหรับการเดินทางระหว่างประเทศ” และนำตัวส่ง พนักงานสอบสวน สภ.ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ เพื่อดำเนินคดีต่อไป
รายที่ 7 จับกุมคนต่างด้าวลักษณะคล้ายชาวจีนทราบในภายหลังคือ ชาวไต้หวัน จำนวน 1 ราย ใช้หนังสือเดินทางปลอม โดยเมื่อวันที่ 24 พ.ย.62 เวลาประมาณ 07.10 น. จับกุมคนต่างด้าวลักษณะคล้ายชาวจีนทราบในภายหลัง คือ ชาวไต้หวันใช้หนังสือเดินทางไต้หวันปลอม เพื่อเดินทางออกไปกรุงจาการ์ตา ประเทศอินโดนีเซีย เจ้าหน้าที่ชุดจับกุมจึงได้แจ้งให้ผู้ถูกจับทราบว่าจะต้องถูกจับในข้อกล่าวหา “ใช้หรือมีไว้เพื่อใช้ซึ่งหนังสือเดินทางปลอมฯ (หนังสือเดินทางไต้หวัน)” โดยนำตัวชาวจีนส่ง พนักงานสอบสวน สภ.ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ เพื่อดำเนินคดีต่อไป
รายที่ 8 จับชาวจีน 1 ราย ใช้หนังสือเดินทางปลอม โดยเมื่อวันที่ 26 พ.ย.62 เวลาประมาณ 02.00 น.จับกุมชายชาวจีน ใช้หนังสือเดินทางประเทศจีนปลอม เจ้าหน้าที่ชุดจับกุมจึงได้แจ้งให้ผู้ถูกจับทราบว่าจะต้องถูกจับในข้อกล่าวหา “ปลอมและใช้หรือมีไว้ซึ่งหนังสือ เดินทางของปลอมฯ (หนังสือเดินทางประเทศจีน) ในการเดินทางระหว่างประเทศ” โดยนำตัวชาวจีนส่ง พนักงานสอบสวน สภ.ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ เพื่อดำเนินคดีต่อไป
รายที่ 9 เมื่อวันที่ 27 พ.ย.62 เวลาประมาณ 17.00 น. จับกุมชายไม่ทราบชื่อสกุล และสัญชาติที่แท้จริง ใช้หนังสือเดินทางประเทศฟิลิปปินส์ปลอม เดินทางมาจากประเทศบราซิล เปลี่ยนเครื่องที่เมืองแอดิสอาบาบา ประเทศเอธิโอเปีย เพื่อเข้ามายังประเทศไทย เจ้าหน้าที่ชุดจับกุมตรวจสอบความถูกต้องของหนังสือเดินทางประเทศฟิลิปปินส์เบื้องต้น พบว่ามีลักษณะแตกต่างจากหนังสือเดินทางประเทศ ที่แท้จริง เจ้าหน้าที่ชุดจับกุมจึงได้แจ้งให้ผู้ถูกจับทราบว่าจะต้องถูกจับในข้อกล่าวหา “ใช้หรือมีไว้เพื่อใช้ซึ่งหนังสือเดินทางปลอมฯ (หนังสือเดินทางประเทศฟิลิปปินส์ปลอม)” และนำส่ง พนักงานสอบสวน สภ.ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
การจับกุมการกระทำความผิดข้างต้นเป็นผลจากความร่วมมือระหว่างหน่วยงานในสนามบิน โดยเฉพาะการให้ความรู้แก่หน่วยงานที่เป็นเครือข่ายประชาคมของสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง ซึ่งได้กำหนดให้มีการประชุมประชาคมข่าว เป็นประจำทุกเดือน โดย กองบังคับการตรวจคนเข้าเมือง 2 เป็นเจ้าภาพ และมีหน่วยงานต่างๆ เช่น การท่าอากาศยานหรือ AOT กลุ่มธุรกิจการบิน หรือAOC ศุลกากร ปปส. หน่วยงานตำรวจต่างๆ เช่น ตร.ท่องเที่ยว สันติบาล ตร.ปส. สภ.ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ เข้าร่วมประชุม
พล.ต.ต.วีรพลฯ ขอฝากประชาสัมพันธ์ให้ทราบว่า สตม.มีมาตรการในการตรวจสอบ กวดขัน และปราบปรามการกระทำความผิดในด้านต่างๆ รวมถึงการเฝ้าระวังบุคคลทั้งสัญชาติไทยและสัญชาติอื่นๆ ที่มีหมายจับและมีเดินทางเข้า-ออกประเทศไทย หากประชาชนท่านใดพบเห็นเบาะแสการกระทำความผิด กรุณาแจ้งมายัง สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง เลขที่ 507 ซ.สวนพลู แขวงทุ่งมหาเมฆ เขตสาทร กรุงเทพมหานคร 10120 หรือที่หมายเลขโทรศัพท์ 1178 หรือที่ www.immigration.go.th จักขอบพระคุณเป็นอย่างยิ่ง
สุรเชษฐ ศิลานนท์ รายงาน