ข่าวใหม่อัพเดท » นายกรัฐมนตรีแนะส่งเสริมพัฒนาเด็กและเยาวชน ให้มีความรู้ ควบคู่คุณธรรม มีความคิดสร้างสรรค์ ตลอดจนเป็นกำลังสำคัญในการพัฒนาประเทศ

นายกรัฐมนตรีแนะส่งเสริมพัฒนาเด็กและเยาวชน ให้มีความรู้ ควบคู่คุณธรรม มีความคิดสร้างสรรค์ ตลอดจนเป็นกำลังสำคัญในการพัฒนาประเทศ

8 มกราคม 2020
0

นายกรัฐมนตรีแนะส่งเสริมพัฒนาเด็กและเยาวชน ให้มีความรู้ ควบคู่คุณธรรม มีความคิดสร้างสรรค์ ตลอดจนเป็นกำลังสำคัญในการพัฒนาประเทศ

วันนี้ (08 ม.ค. 63) เวลา 09.00 น. ณ ตึกสันติไมตรี (หลังนอก) ทำเนียบรัฐบาล นายณัฏฐพล ทีปสุวรรณ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ พร้อมด้วย คุณหญิง กัลยา โสภณพนิช รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงศึกษาธิการ นำเด็กและเยาวชนดีเด่นและนำชื่อเสียงมาสู่ประเทศชาติ เข้าเยี่ยมคารวะ พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม พร้อมรับโอวาท โดยมีผู้บริหารสถานศึกษา ครู เด็กและเยาวชนฯ เข้าร่วมงานกว่า 950 คน สรุปสาระสำคัญ ดังนี้

นายกรัฐมนตรีได้กล่าวแสดงความยินดีและมอบโอวาทความว่า ขอแสดงความยินดีและชื่นชมกับเด็กและเยาวชน ทั้ง 772 คน ที่ได้รับรางวัลอันน่าภาคภูมิใจ ซึ่งแสดงให้เห็นว่าทุกคนได้รับการอบรมสั่งสอนมาอย่างดี มีความขยันหมั่นเพียร ใฝ่หาความรู้อย่างต่อเนื่อง จนสามารถพัฒนาตนเองให้มีความดี ความพร้อม และได้รับการชื่นชมจากสังคม รัฐบาลตระหนักเสมอว่าเด็กและเยาวชนทุกคนคือกำลังสำคัญของชาติในอนาคต จึงมีนโยบายส่งเสริมและพัฒนาเด็กและเยาวชนไทยให้มีความพร้อม ความรู้ ควบคู่คุณธรรม และคุณภาพชีวิตที่ดี ทั้งร่างกายและจิตใจ พร้อมทั้งขอให้ลูกหลานทุกคนรักการศึกษาหาความรู้ตลอดเวลา รู้จักพัฒนาตนเองให้มีความคิดสร้างสรรค์อยู่เสมอ ใช้เวลาให้เกิดประโยชน์มากที่สุด รวมทั้งประพฤติปฏิบัติตนให้ตั้งมั่นอยู่ในความดี มีคุณธรรม มีสำนึกรักชาติบ้านเมืองและรักษาวัฒนธรรมประจำชาติ โดยหวังเป็นอย่างยิ่งว่าทุกคนจะเติบโตเป็นผู้ใหญ่ที่ดีมีคุณภาพ มีความรักสามัคคี กตัญญูรู้คุณ มีคุณธรรม รู้หน้าที่ในส่วนตน มีวินัยของพลเมืองที่ดี และร่วมกันดำรงรักษาไว้ซึ่งสถาบันชาติ ศาสนา และพระมหากษัตริย์ ตลอดจนเป็นกำลังสำคัญในการพัฒนาประเทศไทยให้เจริญรุ่งเรืองต่อไป

นายกรัฐมนตรีกล่าวต่อไปว่า ปัจจุบันคนที่สามารถจะก้าวไปข้างหน้าอย่างมีคุณภาพและมั่นคงได้ ต้องเป็นบุคคลที่มีทักษะหลากหลาย เนื่องจากความก้าวหน้าของเทคโนโลยีจะทำให้สังคมและเศรษฐกิจถูกขับเคลื่อนด้วยข้อมูลและนวัตกรรมที่ทันสมัย และเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา ทั้งจากภูมิปัญญาเดิมและเทคโนโลยีดิจิทัล เราจึงต้องมองภาพรวมของอนาคตข้างหน้าว่าทำอย่างไรเราจึงจะก้าวทันสถานการณ์ความเปลี่ยนแปลงที่รวดเร็วของสังคม สิ่งสำคัญคือการมีภูมิคุ้มกันที่ดี

นายกรัฐมนตรีได้เน้นย้ำว่านอกเหนือจากความรู้ที่เด็กและเยาวชนทุกคนจะต้องมีติดตัวแล้ว การมีทักษะในการดำเนินชีวิตในสังคมก็สำคัญไม่แพ้กัน ทั้งทักษะการประกอบอาชีพ ทักษะการอยู่ร่วมกันกับผู้อื่น ซึ่งหมายถึงการมีทักษะชีวิต สามารถดำรงชีวิตอยู่ได้ด้วยตนเองอย่างมีความสุขไม่เป็นภาระของสังคม ดูแลตัวเองได้และสามารถช่วยเหลือผู้อื่นได้ด้วย

สำหรับคำขวัญวันเด็กในปี 2563 นี้ นายกรัฐมนตรีได้ให้คำขวัญว่า “เด็กไทยยุคใหม่ รู้รักสามัคคี รู้หน้าที่พลเมืองไทย” เพราะเป็นการให้ความสำคัญในเรื่องของเด็กไทยยุคใหม่ในศตวรรษที่ 21 จะต้องเป็นบุคคลที่มีทักษะหลากหลาย ก้าวทันต่อเทคโนโลยี และในการอยู่ร่วมกันก็ต้องมีความสมัครสมานสามัคคี รู้หน้าที่พลเมืองไทย คือรู้หน้าที่ทั้งในส่วนตน และเป็นพลเมืองที่ดี ที่จะช่วยสร้างสังคมที่ดีให้แก่บ้านเมืองของเรา

ในตอนท้าย นายกรัฐมนตรีกล่าวขอบคุณและชื่นชมกระทรวงศึกษาธิการ รวมทั้งหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทุกฝ่ายที่ได้ร่วมกันดำเนินงานในครั้งนี้ พร้อมทั้งอวยพรเนื่องในโอกาสวันเด็กแห่งชาติ ประจำปีพุทธศักราช 2563 ว่า ขออาราธนาคุณพระศรีรัตนตรัย และอำนาจสิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลายในสากล รวมทั้งพระบารมีแห่งพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้า ฯ พระบรมราชินี จงคุ้มครองเด็กและเยาวชนของชาติที่รักทุกคนให้ประสบแต่ความสุขความเจริญ มีสุขภาพพลานามัยสมบูรณ์แข็งแรง มีสุขภาพจิตที่เข้มแข็งมั่นคง และมีสติปัญญาเฉลียวฉลาด เพื่อเป็นเด็กและเยาวชนรุ่นใหม่ที่มีอนาคตสดใส เป็นกำลังสำคัญในการพัฒนาประเทศชาติของเราให้เจริญก้าวหน้าต่อไป

นายกรัฐมนตรียังได้เยี่ยมชมของขวัญที่เด็กและเยาวชนดีเด่นที่นำชื่อเสียงมาสู่ประเทศชาตินำมามอบให้ อาทิ กรอบรูปภาพวาดนายกรัฐมนตรี กระเช้าผลิตภัณฑ์ OTOP ผ้าทอนาหมื่นศรี รถม้าแกะสลัก และร่วมชมการแสดงร้องเพลงประสานเสียง เพลงงามแสงเดือน จากคณะตัวแทนเด็กและเยาวชน ด้วย

ขอบคุณข้อมูล : กลุ่มประชาสัมพันธ์และเผยแพร่ สำนักโฆษก

error: Content is protected !!