วันนี้ (๘ มิ.ย.๖๒) พลตรี ธนาธิป สว่างแสง โฆษก กอ.รมน. ได้เปิดเผยว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีในฐานะ ผู้อำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร ได้มอบนโยบาย “ การป้องกันและปราบปรามการค้ามนุษย์ ”เป็นนโยบายสำคัญของรัฐบาลที่จะต้องสานต่อการขจัดการค้ามนุษย์ให้หมดสิ้น จึงได้มอบนโยบายให้ทุกส่วนราชการ ที่เกี่ยวข้องเอาจริงเอาจังในการดำเนินงานป้องกันกลุ่มเสี่ยงไม่ให้เข้าสู่ขบวนการค้ามนุษย์ โดยจะเน้นงานหลัก ๓ ด้าน ได้แก่ การป้องกันกลุ่มเสี่ยงโดยเฉพาะกลุ่มเด็กและเยาวชนที่เป็นอนาคตของชาติ, การเร่งรัดการดำเนินคดีเพื่อนำตัวผู้กระทำผิด มาลงโทษขั้นเด็ดขาดและคุ้มครองช่วยเหลือผู้เสียหายตามมาตรฐานสากล
ที่ผ่านมาประเทศไทยได้ออกพระราชบัญญัติป้องกันและปราบปรามการค้ามนุษย์ พ.ศ. ๒๕๕๑ ซึ่งเป็นกฎหมายสำหรับบังคับใช้กับความผิดฐานค้ามนุษย์เป็นการเฉพาะ โดยมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ ๕ มิ.ย. ๒๕๕๑ มาจนถึงปัจจุบัน สำหรับพระราชบัญญัติดังกล่าวสามารถแก้ไขปัญหาช่องว่างของกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับการค้ามนุษย์ได้ครอบคลุม ๓ ด้าน ได้แก่
ขยายความเหยื่อหรือผู้เสียหายจากผู้หญิงและเด็กเป็นบุคคลโดยไม่จำกัดเพศและอายุ กำหนดนิยามคำว่าค้ามนุษย์ไว้อย่างกว้างขวาง โดยเฉพาะรูปแบบการแสวงหาประโยชน์โดยมิชอบ ที่สอดคล้องและครอบคลุมกับการกระทำผิดที่เกิดขึ้นจริงในสังคม กำหนดให้ผู้กระทำการค้ามนุษย์เป็นขบวนการในลักษณะองค์กรอาชญากรรม มีความผิด แม้สมาชิกองค์กรอาชญากรรมนั้นไม่ได้ลงมือกระทำผิดเอง ซึ่งนับว่าสอดคล้องกับสภาวะไร้พรมแดนของสังคมในปัจจุบัน
อย่างไรก็ตามการป้องกันและปราบปรามการค้ามนุษย์ไม่สามารถแก้ไขได้ด้วยหน่วยงานใดหน่วยงานหนึ่งหรือประเทศใดประเทศหนึ่งจึงจำเป็นอย่างยิ่งในความร่วมมือของทุกภาคส่วนร่วมกันผนึกพลังต่อต้านการค้ามนุษย์เพื่อทำให้ประเทศไทยมีความเชื่อมั่นในเวทีระหว่างประเทศ
และจากความร่วมมือมุ่งมั่นของทุกภาคส่วนในการแก้ไขปัญหาการค้ามนุษย์อย่างต่อเนื่องและจริงจัง ทำให้เกิดผลสำเร็จจากการปรับสถานะของประเทศไทยเป็นอันดับ ๒ ( TIER 2 ) คือประเทศที่ยังไม่ปฏิบัติตามมาตรฐานขั้นต่ำอย่างเต็มที่แต่มีความพยายามที่จะปฏิบัติ ตามกฎหมายคุ้มครองผู้ตกเป็นเหยื่อจากการค้ามนุษย์ พ.ศ.๒๕๔๓ ของประเทศสหรัฐอเมริกา
การค้ามนุษย์นับว่าเป็นปัญหาที่ทั่วโลกให้ความสนใจเพราะถือเป็นอาชญากรรมข้ามชาติ และเป็นปัญหาที่มีความซับซ้อน เชื่อมโยงหลายมิติ ยากต่อการแก้ไข และที่สำคัญส่งผลกระทบต่อประเทศไทยโดยตรง กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักรซึ่งเป็นหน่วยงานบูรณาการจะร่วมมือกับหน่วยงานทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้องเพื่อปฏิบัติตามนโยบาย ให้เกิดผลสัมฤทธิ์อย่างมีประสิทธิภาพเป็นไปตามมาตราฐานสากล