เมื่อวันที่ 10 มิ.ย.62 ที่กองบังคับการปราบปรามการกระทำผิดกี่ยวกับอาชญากรรมทางเศรษฐกิจ (บก.ปอศ.) : พลตำรวจตรี ไมตรี ฉิมเฉิด ผู้บังคับการปราบปรามการกระทำความผิดกี่ยวกับอาชญากรรมทางเศรษฐกิจ (ผบก.ปอศ.) ได้สั่งการให้ พันตำรวจเอก ภาดล จันทร์ดอน ผู้กำกับการ 5 กองบังคับการปราบปรามการกระทำผิดกี่ยวกับอาชญากรรมทางเศรษฐกิจ (ผกก.5 บก.ปอศ.)
นำกำลังเข้าจับกุม น.ส.ธมลวรรณ ก้อนทอง อายุ 32 ปี อยู่บ้านเลขที่ 1122/45 หมู่ 5 ต.ท้ายบ้าน อ.เมือง จ.สมุทรปราการ ตามหมายจับศาลอาญาที่ 816/2562 ลงวันที่ 5 มิ.ย.62 ข้อหา “ใช้บัตรอิเล็กทรอนิกส์ผู้อื่นที่ผู้ออกได้ออกให้แก่ผู้มีสิทธิ์เพื่อใช้ประโยชน์ในการชำระค่าสินค้า ค่าบริการหรือหนี้อื่นแทนการชำระด้วยเงินสดหรือใช้เบิกถอนเงินสดโดยมิชอบในประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ผู้อื่นหรือประชาชน” โดยสามารถจับกุมผู้ต้องหาได้ภายในบ้านเลขที่ 8/197 หมู่บ้านสตอรี่ ซอยกาญจนาภิเษก 39 แขวงดอกไม้ เขตประเวศ กทม.
พ.ต.อ.ภาดลฯ กล่าวว่า สืบเนื่องมาจากเมื่อต้นเดือน พฤษภาคม 2562 มีผู้เสียหายซึ่งเป็นเจ้าของบริษัทเอกชนแห่งหนี่งใน จ.สมุทรปราการ ได้เข้าแจ้งความร้องทุกข์ต่อ พนักงานสอบสวน กก.5 บก.ปอศ. ว่ามีคนร้ายได้นำบัตรเครดิต ธนาคารกสิกรไทย ของทางบริษัทฯ ไปรูดใช้จ่าย มูลค่าความเสียหายกว่า 6 ล้านบาท
หลังจากนั้นทาง พล.ต.ต.ไมตรีฯ ได้สั่งให้จัดชุดสืบสวนติดตามจับกุมตัวคนร้ายมาดำเนินคดี และเมื่อตรวจสอบรายละเอียดการใช้จ่ายของบัตรเครดิตพบว่าคนร้ายได้การมีนำบัตรไปรูดใช้จ่ายเต็มวงเงิน 500,000 บาท เกือบทุกเดือน ตั้งแต่ปลายปี 2560 มูลค่าความเสียหายรวมกว่า 6 ล้านบาท
พ.ต.อ.ภาดลฯ กล่าวต่อว่า เมื่อเจ้าหน้าที่ตำรวจสอบถามไปยังฝ่ายบัญชีของบริษัทฯ ก็ได้ทราบว่าฝ่ายบัญชีเข้าใจว่าเจ้าของบริษัทฯ เป็นผู้ใช้บัตรดังกล่าวเอง จึงทำการจ่ายเงินให้กับธนาคารทุกเดือน จนกระทั่งเจ้าของบริษัทฯ ตรวจสอบทราบว่าบัตรเครดิต ของตนที่เปิดบัญชีไว้หายไป และมีคนนำไปรูดใช้จ่าย
ต่อมาเจ้าหน้าที่ได้ตรวจสอบการใช้จ่ายผ่านบัตรเครดิตของคนร้าย พบว่ามีการนำบัตรไปรูดซื้อทองคำจากร้านทองใน จ.สมุทรปราการ ทุกเดือน ยอดแต่ละครั้ง 1-2 แสนบาท ตลอดระยะเวลาปีกว่าๆ จำนวน 50 กว่าครั้ง และพบว่ามีการรูดใช้จ่ายอย่างหรูหราเช่นจ่ายห้องพักโรงแรม รีสอร์ทหรู ตั้งแต่ราคาคืนละ 20,000 ถึง 80,000 บาทต่อคืน อีกทั้งยังรูดซื้อตั๋วเครื่องบินชั้นเฟิร์สคลาสเดินทางภายในประเทศและต่างประเทศ รูดซื้ออุปกรณ์ไอที โทรศัพท์มือถือ เสื้อผ้า กระเป๋าแบรนด์เนมต่างๆ จำนวนมาก
พ.ต.อ.ภาดลฯ กล่าวต่ออีกว่า เจ้าหน้าที่สืบทราบว่าคนร้ายที่ก่อเหตุคือ น.ส.ธมลวรรณฯ ซึ่งเป็นอดีตพนักงานของบริษัทฯ ดังกล่าว จึงได้รวบรวมพยานหลักฐานขออนุมัติหมายจับต่อศาลอาญา และนำหมายค้นศาลพระโขนงเข้าตรวจค้นบ้านเลขที่ 8/197 หมู่บ้านสตอรี่ ซอยกาญจนาภิเษก 39 แขวงดอกไม้ เขตประเวศ กทม.
เมื่อไปถึงพบ น.ส.ธมลวรรณฯ พักอยู่กับแฟนหนุ่ม จึงได้จับกุมตัวและได้ทำการตรวจยึดบัตรเครดิตธนาคารกสิกรไทยของผู้เสียหายที่ น.ส.ธมลวรรณฯ นำไปรูด พร้อมทั้งตรวจยึดทรัพย์สินอีกหลายรายการประกอบด้วยสร้อยทองคำหนัก 2 บาท 1 เส้น,สมุดสะสมแต้มซื้อทอง 4 ใบ
จากการรูดซื้อ,ทองคำน้ำหนักรวม 80 บาท,รถยนต์ ยี่ห้อซูซุกิ สีดำ รุ่น เออติก้า ทะเบียน กม 2441 พระนครศรีอยุธยา 1 คัน,โทรศัพท์สมาท์โฟน 4 เครื่อง,กล้องโกโปร 1 เครื่อง,โทรทัศน์ LED 55 นิ้ว 1 เครื่อง,คอมพิวเตอร์โน๊ตบุ๊ค 1 เครื่อง,อุปกรณ์ปรับควบคุมเสียง ยี่ห้อไพโอเนีย 1 เครื่อง,สลิปการรูดใช้จ่ายและรูดซื้อทองคำ,กระเป๋าแบรนเนมจำนวนหนึ่ง มูลค่ารวม 1 ล้านกว่าบาท
จากการสอบสวน น.ส.ธมลวรรณฯ ให้การรับสารภาพว่าทรัพย์สินที่เจ้าหน้าที่ตรวจยึดนั้นได้มาจากการนำบัตรเครดิตของผู้เสียหายไปรูดซื้อมาจริง และยังรับอีกว่าเคยเป็นอดีตพนักงานของบริษัทฯ ดังกล่าว ต่อมาโดนให้ออกจากบริษัทฯ จึงได้ขโมยบัตรเครดิตของเจ้านายติดตัวมาด้วย จากนั้นได้นำบัตรเครดิตไปรูดซื้อทองคำแท่ง
ก่อนนำไปขายเพื่อเอาเงินสดมาใช้จ่ายในชีวิตประจำวันอย่างฟุ่มเฟื่อย เช่น ซื้อรถยนต์ ของใช้ส่วนตัว ตั๋วเครื่องบิน จองโรงแรม ห้องพักหรูเวลาไปเที่ยวต่างจังหวัดและต่างประเทศ โดยจะเก็บสลิปการใช้จ่ายไว้เพื่อคอยดูไม่ให้ใช้จ่ายเกินวงเงิน เบื้องต้นเจ้าหน้าที่แจ้งข้อหาตามหมายจับก่อนนำตัวส่งพนักงานสอบสวน กก.5 บก.ปอศ.ดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
Cr.เจริญผล เอี่ยมพึ่ง
สุรเชษฐ ศิลานนท์ รายงาน