วันที่ 19 ก.พ. ที่โรงเรียนบ้านไผ่มัน ม.3 ต.บ่อทอง อ.หนองจิก จ.ปัตตานี ได้มีกิจกรรมสร้างขวัญกำลังใจให้แก่ครู นักเรียน รวมไปถึงประชาชนในพื้นที่ หลังจากเกิดเหตุคนร้ายไม่ทราบจำนวนได้ลอบวางระเบิดแสวงเครื่องวางไว้ริมกำแพงโรงเรียนด้านหน้าปากทางเข้าโรงเรียนดังกล่าว ทำให้กำแพงเป็นรูโหว่กว่า 50 เซนติเมตรและแตกร้าวได้รับความเสียหาย แต่ครั้งนั้นโชคดีไม่มีใครได้รับอันตราย แต่ก็ถือว่าได้ทำลายขวัญกำลังใจแก่ครูและนักเรียนเป็นอย่างมากเพราะช่วงระเบิดเป็นช่วงที่นักเรียนเคารพธงชาติ ทำให้ผู้บริหารโรงเรียนต้องสั่งหยุดเรียนทันที เหตุเกิดเมื่อวันที่ 17 กพ.ที่ผ่านมา
“วันนี้ทาโรงเรียนได้ทำการเปิดเรียนตามปกติ ซึ่งช่วงเช้านักเรียนทุกคนต่างมาเรียนตั้งแต่เช้าและได้ร่วมเข้าแถวเคารพธงชาติพร้อมทั้งได้ขอพรจากพระเจ้าขอให้เกิดความสงบสุขในพื้นที่”
มีนายเอก ยังอภัย ณ สงขลา นายอำเภอหนองจิก จ.ปัตตานี พ.อ.หาญพลเพชรม่วง ผบ.ฉก.ทพ.ปัตตานี 43 พร้อมด้วยผู้นำท้องถิ่นและประชาชนร่วมจัดกิจกรรมให้แก่ครูและนักเรียน เพื่อสร้างขวัญกำลังใจในการปฏิบัติหน้าที่ต่อไป อีกทั้งได้มีการจัดเลี้ยงน้ำชา อาหารและแจกของเล่น ตลอดจนร่วมจัดเล่นเกมให้กับนักเรียนเกือบ 200 คน ขณะที่กำแพงที่ได้รับความเสียหายจากแรงระเบิด ได้มีทหารพรานและ อส.ร่วมแรงซ่อมแซมให้แล้วเสร็จภายในวันนี้ ท่ามกลางบรรยากาศเป็นไปอย่างชื่นมื่น
สำหรับความคืบหน้าในการติดตามคนร้ายนั้น ชุดสืบสวนสอบสวนคดีความมั่นคงระบุว่าหลังเกิดเหตุเจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคงมีการขยายผลจากพยานหลักฐานการติดตามคนร้าย จนกระทั่งสามารถรู้ตัวกลุ่มคนร้ายที่ร่วมก่อเหตุครั้งนี้แล้ว 1 คน คือนายมะตามรซี สาออ เป็นผู้ต้องหาที่มีหมายจับคดีความมั่นคง จำนวน 1 หมาย มีประวัติเคยก่อเหตุปล้นรถตู้ประจำทางแล้วนำไปก่อเหตุปล้นร้านทองที่ อ.นาทวี จ.สงขลา เมื่อวันที่ 24 สค. 62
นอกจากนี้ยังมีผู้ร่วมก่อเหตุอีก 3-4 คน ขณะนี้รู้ตัวแล้วบางส่วนและเตรียมที่จะออกหมายจับ รวมถึงเจ้าหน้าที่ยังได้ขยายผลสามารถยึดรถ จยย.ที่คนร้ายนำมาก่อเหตุและหลักฐานอีกจำนวนหนึ่งในป่าห่างจากโรงเรียนบ้านไผ่มัน ประมาณ 2 กิโลเมตร ซึ่งสถานที่ดังกล่าวเป็นจุดพักและวางแผนในการก่อเหตุครั้งนี้
อย่างไรก็ตามชุดปฏิบัติการณ์ร่วมได้เข้าปิดล้อมตรวจค้นพื้นที่เป้าหมายในพื้นที่ ต.บ่อทอง หลังได้รับแจ้งและชี้เบาะแสว่าเป็นแหล่งกบดานของคนร้าย แต่ปรากฏว่าไม่พบและคาดว่าคนร้ายกลุ่มนี้น่าจะไหวตัวทันและหนีออกนอกพื้นที่แล้ว
ขอบคุณข้อมูล : ข่าวด่วน ข่าวเด่น สถานการณ์ชายแดนใต้