สตม.แถลงกรณีพรรคอนาคตใหม่กล่าวหา พล.อ.ประยุทธ์ฯ นายกรัฐมนตรีร่วมมือ-ให้ที่หลบซ่อนเครือข่ายทุจริตระดับโลกในไทย
วันที่ 24 ก.พ.63 เวลา 15.00 น.ณ ห้องโถงชั้น 1 สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง : พล.ต.ท.สมพงษ์ ชิงดวง ผบช.สตม.มอบหมายให้ พล.ต.ต.สุรพงษ์ ชัยจันทร์ รอง ผบช.สตม.ในฐานะโฆษกสตม.พร้อมคณะ ร่วมแถลงข่าวกรณีพรรคอนาคตใหม่กล่าวหา พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ร่วมมือ-ให้ที่หลบซ่อนเครือข่ายทุจริตระดับโลกในไทย
จากกรณีที่ นส.พรรณิการ์ วานิช ให้ข้อมูลต่อสื่อมวลชน เมื่อวันที่ 23 ก.พ.63 ที่ศูนย์ประสานงานพรรคอนาคตใหม่ ฝั่งธนบุรี มีประเด็นที่พาดพิงสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง ซึ่งไม่ตรงกับข้อเท็จจริง สำนักงานตรวจคนเข้าเมืองจึงขอชี้แจงข้อเท็จจริงดังต่อไปนี้
กรณี กล่าวว่า นายซาเวีย จัสโต (MR.XAVIER JUSTO) สัญชาติสวิส ถูกดำเนินคดีและจำคุกในข้อหาพยายามกรรโชกทรัพย์ โทษจำคุก 6 ปี รับสารภาพลดโทษกึ่งหนึ่งคงเหลือ 3 ปี แต่เมื่อรับโทษเรียบร้อยแล้ว ถูกเนรเทศ ติด Blacklist ถึง 100 ปี (ตั้งแต่ปี 2016–2116) ทั้งที่คดียาเสพติด ติด Blacklist เพียง 50 ปี
คำชี้แจง สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง ได้ตรวจสอบแล้ว พบว่า นายซาเวีย จัสโต ได้เดินทางเข้า-ออก จำนวน 30 ครั้ง โดยเดินทางเข้า ครั้งแรก เมื่อวันที่ 7 ส.ค.57 และเข้าครั้งสุดท้าย วันที่ 12 มี.ค.58 ต่อมา ถูกดำเนินคดีในข้อหารีดเอาทรัพย์ ซึ่งศาลอาญากรุงเทพใต้ พิพากษา ลงโทษจำคุก 6 ปี จำเลยให้การรับสารภาพ มีเหตุบรรเทาโทษ ลดโทษกึ่งหนึ่ง คงจำคุก 3 ปี เมื่อวันที่ 17 ส.ค.58
ต่อมา สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง ได้ลงบันทึกเป็นบุคคลต้องห้ามมิให้เดินทางเข้ามาในราชอาณาจักรไทย และผลักดันส่งกลับออกไป เมื่อวันที่ 20 ธ.ค.59 ซึ่งการลงบัญชีบุคคลต้องห้ามฯ ดังกล่าว ในระบบสารสนเทศสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง มีการออกแบบในช่องบันทึกเป็นตัวเลข 1,5,10,20 และ100 ปี ซึ่งกรณีของนายซาเวียฯ เป็นการห้ามเข้าราชอาณาจักรตลอดชีวิต จึงลงบันทึกในช่องสูงสุด คือ 100 ปี ซึ่งปัจจุบัน สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง อยู่ระหว่างการพัฒนาแก้ไขรูปแบบการบันทึกดังกล่าว
กรณี นส.พรรณิการ์ฯ กล่าวว่า นายโจโลฯ นักธุรกิจสัญชาติมาเลเซีย ถูกทางการสิงคโปร์ขอให้ตำรวจสากลออกหมายแดง ติดตามตัว เมื่อวันที่ 7 ต.ค.59 แต่ในบันทึกการเดินทางเข้าออกของไทย นายโจโลฯ สามารถเดินทางด้วยเครื่องบินส่วนตัวเข้าออก ได้ถึง 5 ครั้ง
คำชี้แจง จากการตรวจสอบของสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง พบว่านายโจโลฯ มีการเดินทางเข้าออกประเทศไทย รวม 54 ครั้ง โดยครั้งแรกเดินทางเข้ามาเมื่อวันที่ 27 มิ.ย.56 และเดินทางเข้ามาครั้งสุดท้าย วันที่ 10 พ.ค.61 และต่อมาเดินทางออกครั้งสุดท้าย เมื่อวันที่ 13 พ.ค.61 ซึ่งในระบบสารสนเทศสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง ปรากฏข้อมูลหมายจับ ตำรวจสากล ของนายโจโลฯ เมื่อวันที่ 29 เม.ย.62 จำนวน 2 หมายจับ เป็นหมายจับของประเทศสิงคโปร์ 1 หมายจับ และหมายจับของประเทศมาเลเซีย 1 หมายจับ ซึ่งเป็นช่วงเวลาภายหลังจากที่นายโจโลฯ ได้เดินทางออกไปจากประเทศไทยครั้งสุดท้ายแล้ว
กรณี กล่าวว่า นายตังเคงฉี (MR.TANG KENG CHEE) หนึ่งในเครือข่ายของนายโจโลฯ เป็นบุคคลที่ถูกสอบสวนจากกระทรวงยุติธรรมของสหรัฐฯ และถูกออกหมายแดงแต่สามารถอาศัยอยู่ในประเทศไทยจนวีซ่าหมดอายุ และมาขอต่อวีซ่า ตม.พบว่า มีชื่ออยู่ใน Watch list แต่ยังขอต่อวีซ่าในไทยให้อีก 14 วัน และเดินทางออกจากประเทศได้อย่างไร้ร่องรอย ไม่มีข้อมูลการเดินทางออกจากราชอาณาจักร โดยไม่ทราบว่าออกไปโดยช่องทางใด
คำชี้แจง จากการตรวจสอบของสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง พบว่า นายตังเคงฉีฯ เดินทางเข้าออกประเทศไทย รวม 23 ครั้ง โดยเดินทางด้วยบัตรสมาชิกพิเศษ (Thailand Privilege Card) และได้รับการตรวจลงตราประเภทคนอยู่ชั่วคราวเป็นพิเศษ (Privilege Entry Visa) อายุวีซ่า 5 ปี โดยครั้งแรกเดินทางเข้ามา เมื่อวันที่ 14 เม.ย.60 และเข้าครั้งสุดท้าย เมื่อวันที่ 17 มิ.ย.61 แต่ไม่ได้ใช้วีซ่าดังกล่าวข้างต้น โดยใช้สิทธิ์เข้ามาในราชอาณาจักรเป็นการชั่วคราวเพื่อการท่องเที่ยวได้รับการยกเว้นการตรวจลงตรา และให้อยู่ในราชอาณาจักรได้ไม่เกิน 30 วัน (ผ.30) แต่เมื่อครบกำหนด นายตังเคงฉีฯ มิได้เดินทางออกจากประเทศไทย จึงมีความผิดฐาน เป็นบุคคลต่างด้าวอยู่ในราชอาณาจักรโดยการอนุญาตสิ้นสุด พนักงานสอบสวนสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง จึงได้ยื่นคำร้องขอศาลออกหมายจับและศาลแขวงปทุมวัน ได้อนุมัติหมายจับที่ 96/2561 ลง 17 ก.ย.61 สำนักงานตรวจคนเข้าเมืองได้บันทึกบัญชีบุคคลเฝ้าดู (Watch list) ไว้ในระบบสารสนเทศฯ เมื่อวันที่ 24 ก.ค.61 และวันที่ 13 ต.ค.61 ขณะนี้ อยู่ระหว่างการสืบสวนติดตามจับกุมนายตังเคงฉีฯ มาดำเนินคดีต่อไป
จากการตรวจสอบ หมายจับตำรวจสากล ในระบบสารสนเทศสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง พบว่า นายตังเคงฉีฯ มีหมายจับของประเทศมาเลเซีย โดยปรากฎข้อมูลหมายจับ เมื่อวันที่ 29 เม.ย.62 ซึ่งเป็นระยะเวลาภายหลัง ที่นายตังเคงฉีฯ เดินทางเข้ามาในราชอาณาจักรครั้งสุดท้าย จึงสามารถเดินทางได้สำหรับวีซ่า เดินทางด้วยบัตรสมาชิกพิเศษ (Thailand Privilege Card) มีครั้งแรก ตาม ประกาศกระทรวงมหาดไทย ลงวันที่ 7 พ.ย.46 (ตาม มติ ครม.เมื่อวันที่ 16 ก.ย.46) ในสมัย รัฐบาล นายกรัฐมนตรี ทักษิณ ชินวัตร และครั้งที่ 2 ตามประกาศกระทรวงมหาดไทย เมื่อ 14 มี.ค.56 (ตามมติ ครม. เมื่อวันที่ 12 พ.ย.55) ในสมัยรัฐบาล นายกรัฐมนตรี นางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร
กรณี กล่าวว่า นาง ลู ไอ ซวอน (MRS. AI SWAN LOO) หรือ จัสมินลู ทนายความของนายโจโลฯ มีชื่ออยู่ใน Watch list จากคำสั่งเฝ้าระวังของ รอง ผบ.ตร. แต่ยังสามารถเดินทางออกจากสนามบินสุวรรณภูมิในช่องทางปกติได้ เมื่อวันที่ 7 ก.ย.61 โดยไม่มีการแจ้งเตือนรอง ผบ.ตร. ตามคำสั่ง และจากการตรวจสอบครั้งแรก เมื่อเดือน พ.ย.62 พบว่ามีข้อมูลเดินทางเข้าออก 36 รายการ แต่เมื่อตรวจสอบครั้งที่ 2 เมื่อเดือน ม.ค.63 พบว่ามีข้อมูล 14 รายการ ปรากฎว่าข้อมูลเดินทางหายไป 22 รายการ
คำชี้แจง จากการตรวจสอบของสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง พบว่า ข้อมูลการเดินทางเข้าออกประเทศไทยของ นางจัสมิน ลู ไม่ได้ถูกลบรายการแต่อย่างใด โดยพบว่ามีการเดินทางเข้าออกประเทศไทย รวม 68 ครั้ง โดยครั้งแรกเดินทางเข้ามา เมื่อวันที่ 9 ส.ค.56 เดินทางเข้าครั้งสุดท้าย เมื่อวันที่ 3 ก.ค.61 และเดินทางออกครั้งสุดท้ายเมื่อ 7 ก.ย.61 แต่หมายจับตำรวจสากล ปรากฎในระบบสารสนเทศตรวจคนเข้าเมือง เมื่อวันที่ 29 เม.ย.62 ซึ่งเป็นช่วงเวลาหลังจากที่นางจัสมินลูฯ ได้เดินทางออกไปจากประเทศไทยครั้งสุดท้ายแล้ว
สุรเชษฐ ศิลานนท์ รายงาน