กรณีที่สื่อสังคมออนไลน์นำเสนอข่าว “แก๊งค์โหดพัทยา ไล่ตื๊บหนุ่มซาอุฯ อ้างสารวัตร ขู่ห้ามให้ข่าว” ในพื้นที่ สภ.เมืองพัทยา ขอยืนยันว่า “พัทยา ไม่มีแก๊งค์โหด ไม่มีมาเฟีย ขอให้ เชื่อมั่น อุ่นใจ เชิญมาท่องเที่ยวพัทยา ”
จากการตรวจสอบเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ทราบว่าเมื่อวันที่ 1 ต.ค. 62 นายธีรศักดิ์ ควินรัมย์ อายุ 40 ปี ได้เดินทางมา สภ.เมืองพัทยา แจ้งว่าเมื่อวันที่ 26 ก.ค. 62 เวลาประมาณ 22.00 น. MR. ALSHIHA NWAF ABDOLLAH M อายุ 37 ปี สัญชาติซาอุดิอาระเบีย ได้มาเช่ารถจักรยานยนต์ ยี่ห้อฮอนด้า สีเทา ดำ ทะเบียน 1 กบ 5242 ชลบุรี ของนายธีรศักดิ์ฯ โดยเช่าเป็นรายวัน ต่อมาเมื่อวันที่ 11 ก.ย. 62 ซึ่งครบกำหนดเช่ารถจักรยานยนต์คันดังกล่าว ปรากฎว่า MR. ALSHIHA ไม่นำรถจักรยานยนต์มาส่งคืนให้กับเจ้าของและไม่สามารถติดต่อได้ จึงมาแจ้งความเพื่อดำเนินคดีตามกฎหมาย
โดยต่อมาเมื่อวันที่ 2 มี.ค. 63 นายธีรศักดิ์ฯ เจ้าของรถจักรยานยนต์คันที่ให้เช่า พบ MR. ALSHIHA ซึ่งเช่ารถจักรยานยนต์แล้วไม่ส่งคืน และเคยรู้จักกันมาก่อน จึงได้ชักชวนพากันมาที่ สภ.เมืองพัทยา เพื่อตกลงชำระเงินค่ารถจักรยานยนต์คันที่เช่าไปแล้วไม่นำมาส่งคืน แต่ขณะจะพา MR.ALSHIHA มาที่ปรากฎว่า MR.ALSHIHA ได้วิ่งหลบหนีแล้วเสียหลักล้มทำให้ได้รับบาดเจ็บ โดยมีนายสันติคุณ ศิริแสง เพื่อนของนายธีรศักดิ์ฯ ที่วิ่งติดตามมาด้วยจึงได้ใช้เท้าเตะเข้าที่ขาจำนวน 1 ครั้ง ทำให้ได้รับบาดเจ็บ จากนั้น MR.ALSHIHA จึงได้ไปรักษาตัวที่โรงพยาบาลบางละมุง จากการสอบปากคำ นายสันติคุณฯ ให้การรับสารภาพว่า ได้ใช้เท้าเตะสกัดจริง
และผู้ที่ปรากฎในสื่อว่าเป็นตำรวจยศใหญ่คือ นายพันกร วิมลมุกข์ อายุ 53 ปี ได้เข้ามาพบเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.เมืองพัทยา จากการสอบปากคำทราบว่าได้รับการร้องขอความช่วยเหลือจาก นายธีรศักดิ์ฯ ให้ช่วยตามหา MR.ALSHIHA จึงได้ขับขี่รถจักรยานยนต์ตามมาภายหลัง เมื่อนายพันกรฯ มาถึงที่เกิดเหตุ พบผู้ได้รับบาดเจ็บนอนอยู่ จึงได้สอบถามว่าใครทำร้ายและได้ช่วยแจ้งโรงพยาบาล ส่งรถมารับผู้ถูกทำร้ายร่างกาย แล้วก็ได้ออกจากที่เกิดเหตุไป โดยไม่ได้กล่าวอ้างว่าตนเองเป็นตำรวจแต่อย่างใด และไม่เข้าใจว่าทำไมถึงมีข่าวออกมาในลักษณะดังกล่าว
รองโฆษก ตร.กล่าวต่ออีกว่า จากการสอบปากคำบุคคลที่เกี่ยวข้องทราบได้ว่าไม่ได้มีเจ้าหน้าที่ตำรวจเข้าไปเกี่ยวข้องหรือแอบอ้าง หรือมีใครเป็นมาเฟียแต่อย่างใด โดยคู่กรณีของ MR.ALSHIHA ประกอบอาชีพ ให้บริการเช่ารถจักรยานยนต์ มีรถให้เช่าอยู่ 5 คัน ภรรยาประกอบอาชีพรับจ้างซักผ้า เพื่อนอีกคนนึงมีอาชีพซ่อมอุปกรณ์อิเล็คทรอนิกส์ โดยในขณะนี้ MR.ALSHIHA ได้หลบหนีออกจาก รพ.บางละมุงไปแล้ว ไม่สามารถติดต่อได้ และยังไม่ทราบว่าไปอยู่ที่ใด อยู่ระหว่างการสืบสวนติดตามตัวเพื่อสอบปากคำเป็นพยานและดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป โดยขอให้ MR.ALSHIHA เดินทางมาแจ้งความร้องทุกข์ต่อพนักงานสอบสวน ซึ่งเจ้าหน้าที่ตำรวจจะให้ความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย ฝ่ายใดผิดก็ต้องรับโทษตามกฎหมาย
อย่างไรก็ตามที่ผ่านมา กรณีที่มีการกระทำผิดต่อนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติ พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผบ.ตร. ได้กำชับเจ้าหน้าที่ตำรวจให้เร่งสืบสวน ติดตาม จับกุม ผู้ต้องหามาดำเนินคดีตามกฎหมายให้ได้โดยเร็ว เพื่อให้ความเป็นธรรมและสร้างความเชื่อมั่นให้กับนักท่องเที่ยวครับ
ภาพ/ข่าว : นายโยธิน พรมแตง รายงาน