พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ประชุมหัวหน้าส่วนราชการระดับกระทรวงหรือเทียบเท่า ย้ำข้าราชการทุกระดับต้องนำนโยบายสู่การปฏิบัติให้เกิดผลอย่างแท้จริง
เมื่อวันที่ (9 มี.ค.63) เวลา 09.30 น. ห้องประชุม 9 ชั้น 15 อาคารบี ศูนย์เอนเนอร์ยี่ คอมเพล็กซ์ กระทรวงพลังงาน พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เป็นประธานการประชุมหัวหน้าส่วนราชการระดับกระทรวงหรือเทียบเท่า ครั้งที่ 1/2563 ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง โดยมีนายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน นายกุลิศ สมบัติศิริ ปลัดกระทรวงพลังงาน พร้อมด้วยผู้บริหารและข้าราชการกระทรวงพลังงานให้การต้อนรับ โอกาสนี้ นายกรัฐมนตรี ได้เยี่ยมชมนิทรรศการเกี่ยวกับกระทรวงพลังงาน อาทิ นโยบายปรับสมดุลปาล์มเพื่อความยั่งยืนของกระทรวงพลัง งาน โครงการติดตั้งเครื่องมือวัดระดับน้ำมันอัตโนมัติ การพิสูจน์ DNA เพื่อป้องกันการลัก ลอบนำเข้าน้ำมันปาล์มดิบ (CPO) โครงการนำร่องโรงไฟฟ้าชุมชน ใช้วัสดุเหลือใช้ทางการเกษตรผลิตพลังงานชีวมวล ( ฟางข้าว ใบอ้อย หญ้าเนเปียร์) เพื่อเสริมสร้างเศรษฐกิจฐาน รากตามนโยบายรัฐบาล โดยนายกรัฐมนตรี ย้ำถึงการดำเนินโครงการนำร่องโรงไฟฟ้าชุมชนซึ่งเป็นความร่วมมือ 3 ส่วน คือ ภาครัฐ เอกชน และประชาชนว่า ประชาชนในพื้นที่ต้องได้ประโยชน์อย่างแท้จริง ผลประโยชน์ต้องแบ่งปันอย่างเป็นธรรมกับทุกฝ่าย มีการนำเงินเข้ากองทุนหมู่บ้านและประชาชนในพื้นที่มีส่วนร่วม ทั้งนี้ ต้องมีการเตรียมพื้นที่และทำแผนปลูกพืชพลังงานอย่างเป็นระบบ เพื่อรองรับการผลิตพลังงานดังกล่าวด้วย
จากนั้น นายกรัฐมนตรี ได้เปิดการประชุมฯ โดยกล่าวถึงสถานการณ์บ้านเมืองขณะนี้ว่า มีผลกระทบต่อการทำงาน สิ่งสำคัญที่สุดคือ การสร้างความเชื่อมั่นและความไว้ใจซึ่งกันและกัน ซึ่งข้าราชการต้องชัดเจนในการทำงาน มีความละเอียดรอบคอบ มีกระบวนการในการติดตามและประเมินการทำงานอย่างเป็นระบบ
นายกรัฐมนตรียังย้ำการทำงานวันนี้ว่า รัฐบาลเน้นแก้ปัญหา COVID-19 รวมถึงการแก้ปัญหาเศรษฐกิจและภัยแล้ง ซึ่งยินดีรับฟังข้อเสนอแนะจากทุกคน และจะนำเข้าสู่กระบวนการพิจารณาและหารือในที่ประชุมคณะรัฐมนตรีก่อนการตัดสินใจด้วย โดยนายกรัฐมนตรีจะเป็นผู้ตัดสินใจด้วยตนเองตามความเหมาะสม จึงขอฝากการทำงานของข้าราชการทุกคนว่า ต้องพิจารณาอย่างละเอียดถี่ถ้วน ทำงานอย่างเป็นระบบ ให้รู้ว่าประโยชน์ที่เกิดขึ้นจะไปอยู่ที่ใคร ดูแลให้ถึงประชาชนฐานราก กวดขั้นเจ้าหน้าที่ทุกระดับจากบนไปล่าง เพื่อนำนโยบายขับเคลื่อนไปสู่การปฏิบัติให้เกิดผลเป็นรูปธรรมอย่างแท้จริง
ภายหลังการประชุมฯ นายกรัฐมนตรีแถลงข่าวต่อสื่อมวลชนว่า การประชุมหัวหน้าส่วนราชการฯ วันนี้ เป็นการหารือเกี่ยวกับการบริหารราชการแผ่นดิน โดยย้ำให้ทุกหน่วยงานราชการบูรณาการทำงานร่วมกันทั้งการแก้ไขปัญหาไวรัส COVID-19 ภัยแล้งและปัญหาเศรษฐกิจ รวมทั้งการอำนวยความสะดวกและให้บริการประชาชนในเรื่องต่าง ๆ ซึ่งปัจจุบันได้รับการร้องเรียนว่า บางเรื่องยังให้บริการได้ไม่ดีเท่าที่ควร ยังมีเข้าใจคลาดเคลื่อนทั้งการทำงาน กฎหมาย ระเบียบ ข้อบังคับต่าง ๆ ที่เปลี่ยนแปลงไปแล้ว จึงขอฝากไปถึงหน่วยงานผู้ปฏิบัติ ให้เร่งทำความเข้าใจด้วย หากมีข้อติดขัดตรงไหนก็ให้แจ้งหรือสอบถามทันที จะได้สั่งการให้ปลัดกระทรวงและอธิบดีต่าง ๆ ไปตรวจสอบ
นายกรัฐมนตรียังย้ำสร้างการรับรู้เกี่ยวไวรัส COVID-19ให้ประชาชนเข้าใจอย่างถูกต้อง ยืนยันว่าปัจจุบันไทยยังอยู่ในระยะที่ 2 ยังไม่เข้าสู่ระยะที่ 3 ทั้งนี้ รัฐบาลและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้ดำเนินการควบคุมตั้งแต่ต้นทาง การจัดเตรียมสถานที่รองรับสำหรับควบคุมดูแลผู้ที่เดินทางมาจากประเทศกลุ่มเสี่ยงไว้เรียบร้อยแล้วกว่า200แห่ง ในกรณีที่มีการเดินทางเข้าประเทศจากประเทศกลุ่มเสี่ยง แต่ไม่ได้ปฏิบัติตามมาตรการที่รัฐกำหนดก็จะต้องถูกลงโทษและปรับตามกฎหมาย
สำหรับการแก้ปัญหาเรื่องหน้ากากอนามัยนั้น นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ปัจจุบันมีการผลิตหน้ากากอนามัยจาก 11 โรงงานในประเทศ ซึ่งผลิตสูงสุดประมาณ 38 ล้านชิ้นต่อเดือน โดยรัฐบาลควบคุมดูแลการจัดสรรไปยังส่วนต่างๆ คือ โรงพยาบาลและบุคลากรทางการแพทย์ ซึ่งกระทรวงสาธารณสุขจะรับผิดชอบดูแล และอีกส่วนจัดสรรจำหน่ายผ่านช่องทางต่างๆ ที่กระทรวงพาณิชย์ดูแลปกติอื่น ๆ ทั้งนี้ ที่ระบุว่ามีการกักตุนสินค้า รัฐบาลเร่งตรวจสอบข้อเท็จจริงแล้ว รวมทั้งสั่งการกระทรวงอุตสาหกรรมให้ร่วมผลิตหน้ากากผ้าหรือหน้ากากทางเลือก ซึ่งคาดจะได้ประมาณ 20 ล้านชิ้น นอกจากนี้ กระทรวงมหาดไทยยังได้ทำหน้ากากผ้าแจกจ่ายให้กับประชาชนอีกทางหนึ่งด้วย
นายกรัฐมนตรี ได้กล่าวถึงการประชุมคณะรัฐมนตรีในวันอังคารที่ 10 มีนาคม 2563 ว่า จะมีการพิจารณามาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ โดยเบื้องต้นจะมีมาตรการ 2 ส่วน ที่สำคัญ คือ 1) การคืนเงินประกันมิเตอร์ไฟฟ้าประมาณ 3,000 บาทต่อครัวเรือน และส่วนที่เกี่ยวข้องกับค่าไฟฟ้า และ 2) มาตรการเงินกู้ระยะสั้นและภาษี เพื่อช่วยเหลือภาคโรงแรมและท่องเที่ยว ส่วนประเด็นที่รัฐบาลจะจ่ายเงิน 1,000- 2,000 บาท สำหรับผู้มีรายได้น้อยนั้น จะยังไม่มีการดำเนินการใดๆทั้งสิ้น
นายกรัฐมนตรียืนยันจะนำพาประเทศผ่านพ้นสถานการณ์วิกฤตขณะนี้ไปให้ได้ ซึ่งต้องขอความร่วมมือและความเข้าใจจากประชาชนทุกฝ่าย รัฐบาลพยายามสร้างการรับรู้ที่ถูกต้องมาโดยตลอดอย่างต่อเนื่อง ทำงานโดยยึดกฎหมาย รัฐบาลทำงานเพื่อประชาชนไม่ได้ทำงานเพื่อการเมือง สิ่งสำคัญคือการนำนโยบายไปสู่การปฏิบัติให้ประชาชนได้รับประโยชน์ ทั้งการให้บริการประชาชน การลดใช้เอกสาร การใช้ e-Wallet นายกรัฐมนตรีย้ำจะทำหน้าที่ให้ดีที่สุดในการทำงานเชิงนโยบาย สั่งการ และตัดสินใจ ส่วนรายละเอียดกระทรวง และหน่วยงานต้องนำไปปฏิบัติให้เกิดผลเป็นรูปธรรม
ขอบคุณ : กลุ่มประชาสัมพันธ์และเผยแพร่ สำนักโฆษก