รอง นรม.และรมว.พณ. แถลงข่าวแจ้งความดำเนินคดีกับแพลตฟอร์มลาซาด้ากรณีการค้าหน้ากากอนามัยผิดกฎหมาย 3 คดี เตือนผู้หาลู่ทางค้ากำไรหน้ากากอนามัยเกินควร โดยปรับมาขายตามราคาควบคุมแต่คิดค่าขนส่งแพง ถือว่าทำผิดกฎหมายจะถูกดำเนินคดี
ณ ห้องประชุม 301 ตึกบัญชาการ 1 ทำเนียบรัฐบาล นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ พร้อมด้วยนายบุณยฤทธิ์ กัลยาณมิตร ปลัดกระทรวงพาณิชย์ นายวิชัย โภชนกิจ อธิบดีกรมการค้าภายใน และคณะ แถลงข่าวการดำเนินการติดตามการค้าผิดกฎหมายบนแพลตฟอร์ม ว่า ขณะนี้จะมีการดำเนินคดีกับแพลตฟอร์มลาซาด้า รวม 3 คดี
นายจุรินทร์กล่าวว่า ได้มอบหมายปลัดกระทรวงพาณิชย์เชิญแพลตฟอร์มที่มีการค้าออนไลน์ ที่มีการกระทำที่หมิ่นเหม่ต่อการทำผิดกฎหมาย และได้รับเรื่องร้องเรียนจากประชาชนมาเป็นลำดับ ให้มาพบที่กระทรวงพาณิชย์มาแล้ว โดยได้เตือนให้ระมัดระวังอย่าให้มีการกระทำผิดกฎหมายเกิดขึ้นโดยอาศัยแพลตฟอร์มใดก็ตาม ซึ่งปลัดกระทรวงพาณิชย์ได้ทำหนังสือเป็นทางการแจ้งให้แพลตฟอร์มต่าง ๆ ได้รับทราบถึงข้อกฎหมายและโทษที่จะได้รับถ้าปล่อยปละละเลยให้มีการกระทำผิดกฎหมายเกิดขึ้นบนแพลตฟอร์ม โดยในวันนี้กระทรวงพาณิชย์จะดำเนินคดีกับแพลตฟอร์มลาซาด้าจำนวน 3 คดี ดังนี้
คดีแรก ที่จังหวัดนครปฐม ซึ่งมีผู้ร้องเรียนมาที่สายด่วนกรมการค้าภายใน 1569 เจ้าหน้าที่ได้ดำเนินการติดตามจนกระทั่งมีการเข้าดำเนินคดีกับร้านขายยาชื่อดีดีฟาร์ม่า ที่ประกอบการค้าออนไลน์บนแพลตฟอร์มลาซาด้า โดยพบหน้ากากอนามัยของกลางจำนวน 28 กล่องและมีโค้ดลาซาด้าอยู่บนกล่องที่เตรียมการส่งมอบให้กับผู้ซื้อปลายทางอย่างชัดเจน พนักงานเจ้าหน้าที่ตั้ง 2 ข้อหาในเบื้องต้นคือ 1) ขายเกินราคาควบคุม เพราะขายที่ราคากล่องละ 1,100 บาท 1 กล่องมี 50 ชิ้น เฉลี่ยราคาชิ้นละ 22 บาท 2) ขายเกินราคาอันสมควร คือค้ากำไรเกินควร ทั้งนี้ หน้ากากอนามัยสีเขียวจะขายได้ไม่เกินราคาชิ้นละ 2.50 บาท สำหรับกรณีขายเกินราคาควบคุมมีอัตราโทษจำคุกไม่เกิน 5 ปี ปรับไม่เกิน 100,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ ส่วนกรณีค้ากำไรเกินควร มีโทษจำคุกไม่เกิน 7 ปี ปรับไม่เกิน 140,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ คดีที่ 1 นี้จึงมีโทษ 2 กระทงหรือ 2 ข้อหา อย่างไรก็ตาม ภายหลังจากการขยายผลในเรื่องนี้ เมื่อเวลา 10.00 น. ที่ผ่านมา พนักงานเจ้าหน้าที่ของพาณิชย์จังหวัดนครปฐมได้เข้าแจ้งความดำเนินคดีกรรมการผู้จัดการใหญ่ลาซาด้าประจำเทศไทย ในฐานะตัวการร่วม ซึ่งโดยหลักกฎหมายแล้วจะมีโทษเท่ากัน ขณะนี้พนักงานสอบสวนได้รับคดีเรียบร้อยแล้ว
คดีที่สอง การดำเนินคดีการจำหน่ายหน้ากากอนามัยสีเขียวที่ใช้ทางการแพทย์ ที่จำหน่ายราคากล่องละ 1,099 บาท เฉลี่ยชิ้นละ 22 บาท โดยได้มีการเซ็นรับของเสร็จสิ้นกระบวนการขายแล้วเมื่อ 10 มี.ค.63 เวลา 15.00 น. และได้มีการบันทึกปากคำเจ้าหน้าที่บริษัทขนส่งที่มาส่งปลายทาง โดยมีหลักฐานใบสั่งซื้อ หลักฐานเอกสารของลาซาด้าในการรับคำสั่งซื้อ พร้อมรหัสการสั่งซื้อครบถ้วน ผู้ที่จำหน่ายคือร้าน 928 ช็อปที่ทรงวาด ขณะนี้ปิดร้านไปแล้ว ซึ่งหลังเสร็จสิ้นการแถลงข่าว เจ้าหน้าที่กระทรวงพาณิชย์จะไปแจ้งความดำเนินคดีกับเจ้าหน้าที่ตำรวจกองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับการคุ้มครองผู้บริโภค (บก.ปคบ.) ในข้อหาขายเกินราคาควบคุมและข้อหาค้ากำไรเกินควร โดยจะแจ้งข้อหากับร้าน 928 ช็อป และแพลตฟอร์มลาซาด้า ที่ทำให้มีการขายผิดกฎหมายเกิดขึ้น
คดีที่สาม เป็นคดีที่จังหวัดนครปฐมเช่นเดียวกัน ซึ่งร้านค้าที่ดำเนินการขายหน้ากากอนามัยผิดกฎหมาย คือแอพพลายแอนซ์แอนด์เซฟตี้เอ็นเค ขายในราคากล่องละ 1,299 บาท เฉลี่ยชิ้นละ 26 บาท โดยจะแจ้งข้อหาขายเกินราคาควบคุมและข้อหาค้ากำไรเกินควรเช่นเดียวกัน ซึ่งจะส่งดำเนินคดีกับ บก.ปคบ. เช่นเดียวกัน
พร้อมกันนี้ นายจุรินทร์กล่าวว่า ขณะนี้พบว่ามีความพยายามที่จะหาลู่ทางในการค้ากำไรเกินควร โดยปรับเปลี่ยนรูปแบบไปขายตามราคาควบคุม แต่คิดค่าขนส่งแพงมาก ขอเตือนว่าเป็นการผิดกฎหมาย เพราะจะเข้าข่ายกรณีขายในราคาสูงเกินสมควร ขายเกินราคา ซึ่งเป็น 2 ข้อหาเช่นเดียวกับที่กำลังจะแจ้งความดำเนินคดีและที่ได้แจ้งความดำเนินคดีไปแล้ว เพราะคำว่าราคาควบคุมนั้นรวมทั้งตัวสินค้าและค่าบริการด้วย ฉะนั้น การที่บอกว่าขายหน้ากาก 2.50 บาท แต่คิดค่าขนส่ง 300 บาท 400 บาทนั้นคือค่าบริการที่อยู่ภายใต้การกำกับตามกฎหมาย เพราะฉะนั้นจะเข้าข่ายการกระทำผิดฐานค้ากำไรเกินควรเช่นเดียวกัน ใครที่คิดจะทำหรือกำลังทำขอให้เลิก มิฉะนั้นเจ้าหน้าที่จะดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
“ราคากำหนดหน้ากากสีเขียว หรือหน้ากากทางการแพทย์ไม่เกิน 2.50 บาท ถ้าขาย 3 บาท ถือว่าเกินราคา แต่ถ้าขายชิ้นละ 5 บาท 10 บาท 20 บาท เป็นการขายเกินราคาสูงเกินสมควร หรือข้อหาค้ากำไรเกินควรด้วย สำหรับโทษแรกที่ขายเกินราคา มีโทษจำคุกไม่เกิน 5 ปี ปรับไม่เกิน 100,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ ส่วนกรณีค้ากำไรเกินควร มีโทษจำคุกไม่เกิน 7 ปี ปรับไม่เกิน 140,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ แต่ถ้าค้ากำไรเกินควรก็ต้องโดน 2 ข้อหา เพราะขายเกินราคาเป็นเบื้องต้นก่อนอยู่แล้ว และบวกไปเยอะจนกระทั่งกลายเป็นค้ากำไรเกินควร” นายจุรินทร์กล่าวย้ำ
กลุ่มประชาสัมพันธ์และเผยแพร่ สำนักโฆษก