วันที่ 9 เม.ย.63 เวลา 10.30 น.ณ ห้องประชุมมหาเมฆ ชั้น 4 อาคาร 1 สตม.(สวนพลู) สาธร กทม. : พล.ต.ท.สมพงษ์ ชิงดวง ผบช.สตม.พร้อมด้วย พล.ต.ต.สุรพงษ์ ชัยจันทร์, พล.ต.ต. ณฐพล แสวงกิจ รอง ผบช.สตม., พ.ต.อ.ภัคพงศ์ สายอุบล รอง ผบก.ตม.1, พ.ต.อ.รัชธพงศ์ เตี้ยสุด ผกก.สส.บก.ตม.3 และ พ.ต.อ.กีรติศักดิ์ ก้องเกียรติศิริ ผกก.ฯ ปรก.กก.สส.บก.ตม.1 ร่วมแถลงข่าว การจับกุมคนต่างด้าวมีพฤติการณ์ลักลอบกระทำความผิดตาม พ.ร.บ.ว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ พ.ศ.2542 ประกอบกับประกาศคณะกรรมการกลางว่าด้วยสินค้าและบริการ ฉบับที่ 1 พ.ศ.2563 เรื่องการกำหนดสินค้าควบคุมเพิ่มเติมจากกรมการค้าภายในกระทรวงพาณิชย์
เจ้าหน้าที่กองกำกับการสืบสวนสอบสวน กองบังคับการตรวจคนเข้าเมือง 3 บูรณาการร่วมกับเจ้าหน้าที่ตรวจคนเข้าเมือง 1, เจ้าหน้าที่ตรวจคนเข้าเมืองจังหวัดชลบุรี, เจ้าหน้าที่ตำรวจท่องเที่ยว, เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.เมืองพัทยา, เจ้าพนักงานฝ่ายปกครองอำเภอบางละมุง, เจ้าหน้าที่ กอ.รมน.จังหวัดชลบุรี, เจ้าหน้าที่ตำรวจ สน.ห้วยขวาง, เจ้าหน้าที่ตำรวจ บก.ปคบ. และเจ้าหน้าที่กระทรวงพาณิชย์ ได้รับแจ้งเบาะแสว่ามีกลุ่มต่างด้าวสัญชาติจีน มีพฤติการณ์ลักลอบทำงาน ผลิต จำหน่าย สินค้าควบคุมประเภทหน้ากากอนามัย ออกจำหน่ายโดยมีสำนักงานที่กรุงเทพฯและจังหวัดชลบุรี
ต่อมาได้รับแจ้งว่ากลุ่มคนดังกล่าวจะนำสินค้าประเภทหน้ากากอนามัยไปแยกบรรจุที่จังหวัดชลบุรี จึงได้เฝ้าสังเกตการณ์พบว่าที่ตึกแถวอาคารพาณิชย์บริเวณถนนประชาราษฎร์บำเพ็ญ แขวงสามเสนนอก เขตห้วยขวาง กรุงเทพ มีบุคคลภายในบ้านดังกล่าวยกกล่องขนาดใหญ่ออกมาเก็บไว้ในรถยนต์ยี่ห้อมิตซูบิชิ รุ่นปาเจโร ได้ขับออกไป และเดินทางมายังโรงแรมบริเวณถนนเลียบชายหาดจอมเทียน ตำบลหนองปรือ อำเภอบางละมุง จังหวัดชลบุรี และพบว่าบุคคลดังกล่าวได้ขนสิ่งของดังกล่าวไปเก็บที่ห้องเก็บของซึ่งอยู่ด้านล่างของโรงแรม ต่อมาชุดจับกุมพบว่ามีการประกาศป้ายโฆษณาตามจุดต่างๆ
และเมื่อพบว่าบุคคลดังกล่าวได้ขนสิ่งของออกจากห้องเก็บของขึ้นไปยังห้องพักและลงมาที่รถยนต์ส่วนบุคคล ชุดจับกุมจึงได้แสดงตัวเป็นเจ้าพนักงานฯ จากการตรวจสอบพบคนต่าง ด้าวชื่อ นายเหอ อายุ 38 ปี สัญชาติจีน นำตรวจสอบห้องเก็บของและห้องที่พัก พบหน้ากากอนามัย รวมจำนวน 62,400 ชิ้น พร้อมกับกล่องสำหรับบรรจุจำนวน 510 กล่อง และแผ่นประกาศ ป้ายโฆษณา จำนวน 3 แผ่น
จึงได้ประสานมายังชุดจับกุมอีกชุดหนึ่ง เพื่อเข้าตรวจสอบตึกแถวอาคารพาณิชย์ บริเวนถนนประชาราษฎร์บำเพ็ญ แขวงสามเสนนอก เขตห้วย ขวาง กรุงเทพ เพื่อแสดงตัวเป็นเจ้าพนักงานฯ ต่อผู้ที่อยู่ภายในตึกแถวอาคารพาณิชย์ดังกล่าว ซึ่งพบ นายเหลียง อายุ 30 ปี สัญชาติจีน พบกล่องลังบรรจุหน้ากากอนามัย และกล่องลังบรรจุเครื่องยิงเลเซอร์วัดอุณหภูมิร่างกาย วางอยู่กลางห้องชั้นล่างภายในบ้านดังกล่าว
เจ้าหน้าที่ชุดจับกุมจึงได้แจ้งข้อกล่าวหา ดังนี้ โดยกล่าวหา นายเหอ อายุ 38 ปี สัญชาติจีน ในข้อหา “เป็นคนต่างด้าวทำงานโดยไม่มีใบอนุญาตทำงาน (พ.ร.บ.คนเข้าเมือง พ.ศ.2522) , เป็นคนต่างด้าวซึ่งได้รับอนุญาตให้อยู่ในราชอาณาจักรเป็นการชั่วคราว ประกอบอาชีพหรือรับจ้างทำงานโดยไม่ได้รับอนุญาต (พ.ร.บ.คนเข้าเมือง พ.ศ.2522) และไม่ปฏิบัติตามประกาศของคณะกรรมการตามมาตรา 25 (5) หรือไม่แจ้งตาม มาตรา 26 วรรค 1 (พ.ร.บ.ว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ)”
- มาตรา 25 (5) กำหนดให้แจ้งปริมาณ สถานที่เก็บ ต้นทุน ค่าใช้จ่าย แผนการผลิต แผนการนำเข้ามาในราชอาณาจักร แผนการส่งออกนอกราชอาณาจักร แผนการซื้อ แผนการจำหน่าย แผนการเปลี่ยนแปลงราคาหรือรายการอื่นใดหรือส่วนลดในการจำหน่าย กระบวนการผลิตและวิธีการจำหน่ายสินค้าหรือบริการควบคุมต่อพนักงานเจ้าหน้าที่
- มาตรา 26 วรรค 1 ให้ผู้ผลิต ผู้จำหน่าย ผู้ซื้อ เพื่อจำหน่ายหรือผู้นำเข้าเพื่อจำหน่ายสินค้าหรือบริการควบคุมแจ้งชื่อ ราคาซื้อ ราคาจำหน่าย มาตรฐาน คุณภาพ ขนาด ปริมาณ น้ำหนักต่อหน่วย รวมทั้งชื่อและปริมาณวัตถุอันเป็นส่วนประกอบของสินค้าหรือบริการนั้น และลักษณะอย่างอื่นของสินค้าหรือบริการควบคุมตามที่เป็นอยู่ในวันที่ กกร. กำหนดต่อเลขาธิการ นำตัวส่งพนักงานสอบสวนสถานีตำรวจภูธรเมืองพัทยา จังหวัดชลบุรี เพื่อดำเนินการตามกฎหมายต่อไป
โดยกล่าวหา นายเหลียง อายุ 30 ปี สัญชาติจีน ข้อหา “เป็นบุคคลต่างด้าวทำงานโดยไม่มีใบอนุญาตทำงาน” และนำตัว ผู้ต้องหาส่งพนักงานสอบสวนสถานีตำรวจนครบาลห้วยขวาง เพื่อดำเนินการตามกฎหมายต่อไป
พล.ต.ท.สมพงษ์ฯ ขอฝากประชาสัมพันธ์ให้ทราบว่า สตม.มีมาตรการในการตรวจสอบ กวดขัน และปราบปรามการกระทำความผิดในด้านต่างๆ รวมถึงการเฝ้าระวังบุคคลทั้งสัญชาติไทยและสัญชาติอื่นๆ ที่มีหมายจับและมีเดินทางเข้า-ออกประเทศไทย หากประชาชนท่านใดพบเห็นเบาะแสการกระทำความผิด กรุณาแจ้งมายัง สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง เลขที่ 507 ซ.สวนพลู แขวงทุ่งมหาเมฆ เขตสาทร กรุงเทพมหานคร 10120 หรือที่หมายเลขโทรศัพท์ 1178 หรือที่ www.immigration.go.th จักขอบพระคุณเป็นอย่างยิ่ง
สุรเชษฐ ศิลานนท์ รายงาน