ตามที่ กรมสอบสวนคดีพิเศษได้จัดตั้ง “ศูนย์ป้องกันปราบปรามอาชญากรรมพิเศษในสถานการณ์การแพร่เชื้อระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (ศูนย์ DSI COVID-19)” และเปิดช่องทางรับแจ้งข้อมูลการกระทำความผิดเพื่อเฝ้าระวังอาชญากรรมที่ซ้ำเติมประชาชนในช่วงการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) ผ่านทางเว็บไซต์https://register.dsi.go.th/CaseControlledProducts นั้น
กรมสอบสวนคดีพิเศษ โดยศูนย์ช่วยเหลือลูกหนี้และประชาชนที่ไม่รับความเป็นธรรม ซึ่งเป็นหน่วยปฏิบัติของศูนย์ป้องกันปราบปรามอาชญากรรมพิเศษในสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (ศูนย์ DSI COVID-19) ได้รับการร้องขอความช่วยเหลือจากประชาชนหลายรายว่า ปัจจุบันมีการโฆษณาชักชวนให้ลูกหนี้กู้ยืมเงินผ่านโซเชียลมีเดียต่าง ๆ ในรูปแบบของแอปพลิเคชัน ซึ่งจากการตรวจสอบพบว่า มีการหลอกลวงให้ลูกหนี้เข้าไปลงข้อมูลผ่านแอปพลิเคชันต่าง ๆ โดยให้กรอกรายละเอียดข้อมูลส่วนบุคคลและอนุญาตให้แอปพลิเคชันนั้นเข้าถึงข้อมูลส่วนตัวผ่านทาง Facebook LINE โทรศัพท์มือถือ หรือแม้แต่หมายเลข โทรศัพท์ของบุคคลที่เกี่ยวข้อง รวมถึงการกู้ยืมเงินดังกล่าว ผู้กู้จะไม่ได้รับเงินเต็มจำนวน โดยแอปพลิเคชันเงินกู้ดังกล่าวจะมีการหักค่าใช้จ่ายในการดำเนินการ เช่น กู้ยืมเงิน 4,000 บาท ผู้กู้จะได้รับเงินเพียง 2,600 บาท โดยเงิน 4,000 บาทจะต้องชำระคืนพร้อมดอกเบี้ยภายใน 14 วัน หากลูกหนี้ไม่ชำระคืนจะมีค่าปรับตามจำนวนอัตราที่แอปพลิเคชันนั้นกำหนดไว้ เช่น กู้เงิน 4,000 บาท หากส่งคืนล่าช้าจะมีค่าปรับวันละ 400 – 600 บาท และจะมีการทวงถามไปยังบุคคลใกล้ชิดของผู้กู้ตามที่มีรายชื่ออยู่ในสมุดโทรศัพท์ที่แอปพลิเคชันนั้นได้ข้อมูลไป นอกจากนี้ยังมีการข่มขู่คุกคามจากการติดตามทวงถามให้ชำระหนี้อีกด้วย
กรมสอบสวนคดีพิเศษ จึงขอแจ้งเตือนประชาชนผู้ที่คิดจะกู้ยืมเงินผ่านแอปพลิเคชันเหล่านี้ ขอให้พิจารณาอย่างรอบคอบ อย่าได้หลงเชื่อ โดยในขณะนี้ รัฐบาลได้เปิดโอกาสให้ประชาชนสามารถเข้าถึงสถาบันการเงินได้โดยง่าย ไม่ว่าจะเป็น ธนาคารออมสิน ธนาคารกรุงไทย หรือธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร เพราะฉะนั้นหากประชาชนมีความจำเป็นต้องกู้ยืมเงิน ขอให้พิจารณาแหล่งเงินทุนของรัฐก่อน ทั้งนี้ หากท่านมีเบาะแสในเรื่องดังกล่าว สามารถแจ้งเบาะแสมายังกรมสอบสวนคดีพิเศษ โทรสายด่วน DSI Call Center 1202 (โทร.ฟรีทั่วประเทศ) โดยกรมสอบสวนคดีพิเศษจะรักษาข้อมูลของผู้แจ้งเบาะแสเป็นความลับ
ขอบคุณข้อมูล : กรมสอบสวนคดีพิเศษ DSI