มุกดาหาร ชาวบ้านให้บริษัทสร้างถนนมาขุดบ่อดินที่ไม่ได้สร้างประโยชน์เพื่อนำดินไปถมถนนทางเข้าหมู่บ้านขณะที่คนขับรถแบคโฮกำลังขุดดินถูกวัตถุที่มีความแข็งอยู่ใต้ดินจึงพยายามตักขึ้นมา แล้วลงไปตรวจสอบเห็นวัตถุขนาดใหญ่มีร้องรอยเสียหายเป็นทองเหลือง โดยคนขับไม่ทราบว่าเป็นอะไรจึงเรียกชาวบ้านแห่กันออกมาดูพบเป็นกลองมโหระทึกโบราณ
เมื่อเวลา 11.00 น. วันที่ 29 เมษายน 2563 นายสมพงศ์ คุ้มสุวรรณ นายอำเภอคำชะอี จ.มุก ดาหาร หลังได้รับแจ้งจากนายมั่งมี คนขยัน กำนันบ้านโพน หมู่ 7 ต.บ้านเหล่า อ.คำชะอี จ.มุกดาหาร ชาวบ้านให้บริษัทสร้างถนนมาขุดบ่อดินบริเวณที่ไม่ได้สร้างประโยชน์ เพื่อนำดินไปถมถนนทางเข้าหมู่บ้าน ที่มันสภาพชํารุดเป็นหลุม เป็นบ่อ เดี๋ยวถึงหน้าฝนชาวบ้านจะสัญจรไป-มา ลำบาก จึงประชุมลงมติให้แบคโฮมาขุดดิน จนได้พบถูกวัตถุโบราณ ชาวบ้านจึงพากันไปแจ้งกำนันให้ไปตรวจสอบ พบเป็นวัตถุโบราณล้ำค่า กำนันโทรไปรายงานนายอำ เภอ จึงนำกำลังเจ้าหน้าที่ออกไปตรวจสอบ พบเป็นกลองมโหระทึกวัตถุโบราณล้ำค่าจึงแต่งขัน5 พร้อมนิมนต์พระสงฆ์มาทำพิธีขอนำกลับไปเก็บไว้ที่ทำการที่ว่าการอำเภอคำชะอี ก่อนประสาน นายทศพร ศรีสมาน ผู้อำนวยการสำนักศิลปากรที่ 9 อุบลราชธานี เดินทางมาตรวจสอบ
จากการตรวจสอบของเจ้าหน้าที่พบด้านหน้ากลองความกว้าง 98 เซนติเมตร สูง 70 เซนติ เมตร น้ำหนัก ประมาณ 50 กิโลกรัม อายุราว 1,500-2,000 ปี ซึ่งสำหรับพื้นที่ขุดพบกลองมโหระทึก เป็นพื้นที่อาศัยอยู่ของชาวภูไทพบได้ในดินแดนโดยเฉพาะประเทศเวียดนาม ประเทศลาว เป็นกลองชนิดหนึ่งที่ทำจากโลหะผสมทองแดง ดีบุก เรียกว่า สำริด บนขอบหน้ากลองมักทำรูปกบ จำนวน 4 ตัวและมี 4 หู ตรงกลางเป็นรูปดาว 12 แฉก ประดับตกแต่งจึงมีอีกชื่อว่า “กลองกบ” คนสมัยก่อนประวัติศาสตร์ เมื่อราว 3,000 ปีก่อน ใช้ตีประโคมในพิธีกรรมความเชื่อต่างๆ เช่น พิธีศพ พิธีเลี้ยงผี พิธีขอฝน ขอไม่ให้เกิดภัยธรรมชาติ ฯลฯ และเป็นลักษณะเฉพาะของวัฒนธรรมความเชื่อที่มีร่วมกันของคนที่เคยอาศัยในดินแดนภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
อย่างไรก็ตามสำนักศิลปากรที่ 9 อุบลราชธานีทำพิธีขอนำกลองมโหระทึก ดังกล่าวกลับไปเก็บดูแลรักษาอยู่ที่พิพิธภัณฑ์สำนักศิลปากรที่ 9 อุบลราชธานีต่อไป.
ภาพ/ข่าว เดวิท โชคชัย จ.มุกดาหาร รายงาน 092-5259-777