นักธุรกิจหนุ่มร้อง สคบ.หลังโดนขโมยบัตรเครดิตที่รัสเซียรูดซื้อสินค้ากว่า 3 แสนบาท ทั้งที่แจ้งอายัดแล้ว
วันที่ 30 เม.ย.63 เวลา 12.00 น. ที่ศูนย์รับเรื่องร้องทุกข์สำนักงานคุ้มครองผู้บริโภค (สคบ.) : นายวิสันต์ สังฆอารี นักธุรกิจหนุ่มเจ้าของบริษัทเอกชนแห่งหนึ่ง/นายแบบ/อดีตนักกรีฑาทีมชาติไทยเขต 10 เดินทางมายื่นเรื่องร้องเรียนกรณีไปเที่ยวรัสเซียแล้วถูกขโมยบัตรเครดิต แบงก์สีม่วง รูดเงินไปกว่า 3.3 แสนบาท ทั้งที่พยายามโทรอายัดกับทางคอลเซ็นเตอร์ กลับติดขั้นตอนสอบถามล่าช้า จนเกิดความเสียหายขึ้น สุดท้ายธนาคารฯ กลับให้รับผิดชอบ จ่ายเงินที่ถูกขโมยไปอย่างไม่เป็นธรรมและแถมติดแบล็คลิสต์ ไม่สามารถทำธุรกรรมทางการเงินได้อีก
นายวิสันต์ฯ กล่าวว่า ตนเดินทางไปถึงเมืองเซนต์ ปีเตอร์สเบิร์ก เมื่อวันที่ 27 ตุลาคม 2562 ระหว่างนั้น ถูกกลุ่มมิจฉาชีพคนรัสเซียล้วงกระเป๋าสะพาย สินทรัพย์ที่สูญหายไป เกือบ 1 แสนบาท และในกระเป๋า ยังมีพาสปอร์ตออสเตรเลีย และบัตรเครดิตรวม 5 ใบ พอรู้ตัวว่าถูกล้วงกระเป๋า จึงรีบโทรฯ กลับไปอายัดบัตรได้ 4 ธนาคาร ประกอบด้วย 1. 2 3. 4
แต่ธนาคารโลโก้”ใบโพธิ์สีม่วง” ที่มีปัญหา กลับมัวแต่สอบถามข้อมูลส่วนตัว เพื่อยืนยันชื่อและนามสกุล ทั้งที่ตัวเองถือเป็นลูกค้าที่มีเงินฝากชั้นดี ระหว่างนั้นเสียเวลาไปกว่า 10 นาที สุดท้ายจึงมีเอสเอ็มเอส.แจ้งเข้าโทรศัพท์มือถือว่า มีการใช้บัตรเครดิตรูดซื้อสินค้า เป็นเงินกว่า 3 แสนบาท
ต่อมาทางผู้เสียหายได้ให้ไกด์ท้องถิ่น พาไปสถานีตำรวจในคืนนั้นทันทีเพื่อที่จะไปแจ้งความและได้ลงบันทึกประจำวันไว้เป็นหลักฐานในเหตุการณ์ และทรัพย์สินที่เสียหาย ระหว่างนั้นได้ติดต่อกับ คอลเซ็นเตอร์มาโดยตลอด เพื่อปฏิเสธรายการใช้บัตรเครดิต เพราะตัวเองไม่ได้นำไปใช้จ่าย และไม่มีลายเซ็นต์ของตัวเองอย่างแน่นอน กระทั่งวันที่ 29 ตุลาคม 2562 ได้เดินทางกลับมาถึงประเทศไทย จึงได้ติดต่อไปทางธนาคารทันทีเพื่อติดตามผลการปฎิเสธการใช้บัตรเครดิตที่ถูกขโมยไป
แต่ทางธนาคารได้แค่แจ้งไว้ว่าจะต้องส่งเรื่องต่อไปยังแผนกสืบสวน ซึ่งใช้เวลาประมาณ 21-30 วันทำการ และไม่มีการแจ้งความคืบหน้าใดๆ มาเลย กระทั่งช่วงต้นเดือนมกราคม 2563 จึงทราบว่าทางแผนกสืบสวน ยังไม่ได้ฟังไฟล์เสียงสนทนาที่ตนได้โทรมาอายัดบัตรจากต่างประเทศ เพื่อทราบเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นว่าเกิดจากความล่าช้าในการอายัดบัตรใช่หรือไม่ พร้อมกันนี้ ผู้เสียหายได้ขอให้หัวหน้าฝ่ายสีบสวนส่งหลักฐานการติดต่อไฟล์บันทึกเสียงทั้งหมดไว้เป็นหลักฐาน
กระทั่งวันที่ 14 ม.ค.63 ทางฝ่ายสืบสวนกลับแจ้งกับผู้เสียหายว่าไม่มีเทปบันทึกเสียง ที่ผู้เสียหายได้โทรเข้าไปก่อนที่จะเกิดการใช้บัตรเครดิตรที่สูญหายไป ซึ่งถือเป็นความผิดปรกติอย่างยิ่ง ทางผู้เสียหายจึงติดต่อกับธนาคาร เพื่อสอบถามความคืบหน้ามาโดยตลอด แต่สิ่งที่ได้รับกลับมา คือจดหมายทวงหนี้บัตรเครดิตอย่างเดียว เนื่องจากผู้เสียหายปฏิเสธว่าไม่ใช่เป็นผู้ใช้บัตรเครดิตในการรูดซื้อสินค้าที่รัสเซียมาตั้งแต่ต้น
จากนั้น ได้มีการต่อรองลดหนี้ให้ 10 เปอร์เซ็นต์ ซึ่งผู้เสียหายเห็นว่าไม่เป็นธรรม จึงไม่ยอมรับข้อตกลง เนื่องจากตัวเองเป็นเหยื่อของคดีอาชญากรรม กลับต้องถูกซ้ำเติมโดยธนาคารที่ทำรายการล่าช้า มาให้รับผิดชอบหนี้ที่ไม่ได้ก่อขึ้น และสุดท้าย ยังต้องกลายเป็นบุคคลที่เสียประวัติเครดิตทางการเงิน เพราะเตรียมไปกู้ซื้อบ้าน แต่ก็ถูกธนาคารอื่นๆ ปฏิเสธ เพราะติดเครดิตบูโรจากเหตุการณ์ครั้งนี้ ซึ่งถือว่าเป็นความเสียหายอย่างมาก เพราะที่ผ่านมา มีประวัติทางการเงินดีมาโดยตลอด
ดังนั้น ผู้เสียหายจึงต้องการร้องเรียนเพื่อขอความยุติธรรมและพิสูจน์กับทางเครดิตรบูโร เพื่อกอบกู้ชื่อเสียงและสถานะทางการเงินกลับมา
เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ สคบ.รับเรื่องไว้ตรวจสอบ ถ้าอยู่ในอำนาจรับผิดชอบจะได้ดำเนินการติดต่อทางธนาคารคู่กรณีมาเจรจาตกลงต่อไป
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ก่อนยื่นเรื่องร้อง สคบ. นายวิสันต์ฯ ได้พบและขอคำแนะนำจาก นายรณรงค์ แก้วเพ็ชร์ ประธานเครือข่ายรณรงค์ทวงคืนความยุติธรรมในสังคม ได้ให้คำแนะนำในเรื่องของคดีความเป็นอย่างดี
สุรเชษฐ ศิลานนท์ รายงาน