วันนี้ วันอังคารที่ 2 ก.ค.62 ที่ห้องแถลงข่าว สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง ซ.สวนพลู : พลตำรวจโท สมพงษ์ ชิงดวง รักษาราชการแทนผู้บัญชาการสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง (รรท.ผบช.สตม.) พร้อมด้วย พลตำรวจตรี ภาคภูมิภิภัทฒ์ สัจจพันธุ์,พลตำรวจตรี กฤษกร พลีธัญญวงศ์,พลตำรวจตรี อิทธิพล อิทธิสารรณชัย,พลตำรวจตรี สุรพงษ์ ชัยจันทร์ รองผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 7 (รองผบช.ภ.7) รักษาราชการแทนรองผู้บัญชาการสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง (รองผบช.สตม.),พลตำรวจตรี ณฐพล แสวงกิจ,พลตำรวจตรี สรายุทธ สงวนโภคัย รองผู้บัญชาการสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง (รองผบช.สตม.),พลตำรวจตรี ปฏิพัทธ์ สุบรรณ ณ อยุธยา ผู้บังคับการตรวจคนเข้าเมือง 1 กองบัญชาการสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง (ผบก.ตม.1 บช.สตม.) ได้สั่งการให้หน่วยงานในสังกัดทุกหน่วยเร่งรัดกวดขันจับกุม
ตามนโยบายของ พลเอก ประยุทธ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และพลเอก ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ในการควบคุมกำกับดูแลชาวต่างชาติ ที่เข้ามาพำนักอาศัยหรือเข้ามาท่องเที่ยว ในประเทศไทย สำนักงานตำรวจแห่งชาติ โดย พลตำรวจเอก จักรทิพย์ ชัยจินดา ผู้บัญชาการสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) มอบหมายให้ สตม. ดำเนินการตรวจสอบชาวต่างชาติที่มีพฤติกรรมไม่เหมาะสมในขณะที่พำนักอยู่ในประเทศไทย กระทำผิดกฎหมาย ก่อเหตุอันตรายต่อความสงบสุขและความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของประชาชน ทำให้เกิดความเสียหายต่อภาพลักษณ์ของประเทศ และให้มีผลปฏิบัติอย่างเป็นรูปธรรม โดยในช่วงที่ผ่านมามีผลการปฏิบัติที่น่าสนใจ ดังนี้
จากการสืบทราบและขยายผลการจับกุมสาวชาวต่างชาติทำงานนั่งดริ้งค์บริเวณคลองตัน และรัชดา ห้วยขวาง ซึ่งมีลักษณะการค้าประเวณีแอบแฝง อันอาจจะนำสู่การค้ามนุษย์ได้ ดังนั้นเพื่อเป็นการตัดช่องทางสุ่มเสี่ยงต่อการค้ามนุษย์ เจ้าหน้าที่ชุดสืบสวน กองบังคับการตรวจคนเข้าเมือง 1 จึงได้จัดกำลังระดมกวาดล้างสถานที่สุ่มเสี่ยงต่อการค้ามนุษย์ในเขตรับผิดชอบ ผลการระดมกวาดล้างสามารถจับกุมหญิงสาวชาวลาวได้ จำนวน 20 คน เวียดนาม จำนวน 2 คน จากการตรวจสอบเอกสารประจำตัว (PASSPORT) ของแต่ละคน พบว่าทั้งหมดเดินทางเข้ามาในราชอาณาจักรถูกต้องตามกฎหมาย โดยการได้รับอนุญาตให้อยู่ในราชอาณาจักรได้ 30 วัน แต่ไม่มีใบอนุญาตทำงาน โดยเมื่อครบกำหนดอนุญาต ก็จะเดินทางออกและกลับเข้ามาใหม่ เพื่อให้ได้สิทธิ์การอยู่ในราชอาณาจักร และแต่ละคนมีประวัติการเดินทางเข้าออกราชอาณาจักรคนละหลายรอบ นอกจากนี้ยังมีบางรายที่ได้รับอนุญาตให้อยู่ในราชอาณาจักรด้วย วีซ่าทำงานเป็นกรรมกร แต่มาประกอบอาชีพนอกเหนือจากที่ได้รับอนุญาต โดยทำงานนั่งดริ้งค์ เจ้าหน้าที่ชุดสืบสวน กองบังคับการตรวจคนเข้าเมือง 1 จึงได้ทำการสอบคัดแยกเหยื่อ และถามปากคำเพื่อให้ทราบข้อมูลและแรงจูงใจ รวมถึงผู้ดำเนินการ ตลอดจนผู้ร่วมขบวนการ ผู้นำพา รับไว้ และผู้ควบคุม ซึ่งผู้ต้องหาทั้งหมดรับว่าสมัครใจด้วยตนเอง มิได้มีการข่มขู่ บังคับขืนใจแต่อย่างใด เจ้าหน้าที่ชุดจับกุม จึงนำตัวส่งพนักงานสอบสวน สตม.เพื่อดำเนินคดีต่อไป
ทั้งนี้ หากประชาชนพบเห็นการกระทำผิดของคนต่างด้าว หรือคนต่างด้าวที่อยู่ในประเทศไทยโดยผิดกฎหมาย สามารถแจ้งเบาะแสมาได้ที่หมายเลขโทรศัพท์ 1178 หรือที่ www.immigration.go.th
สุรเชษฐ ศิลานนท์ รายงาน