ข่าวใหม่อัพเดท » ดีอีเอส ร่วม ศปอส.ตร. แถลงจับคนโพสต์เฟซบุ๊กเป็นเท็จว่า “ยาบ้าสามารถรักษาโรคโควิด-19 ได้” หลายราย

ดีอีเอส ร่วม ศปอส.ตร. แถลงจับคนโพสต์เฟซบุ๊กเป็นเท็จว่า “ยาบ้าสามารถรักษาโรคโควิด-19 ได้” หลายราย

23 พฤษภาคม 2020
0

ดีอีเอส ร่วม ศปอส.ตร. แถลงจับคนโพสต์เฟซบุ๊กเป็นเท็จว่า “ยาบ้าสามารถรักษาโรคโควิด-19 ได้” หลายราย

วันที่ 22 พ.ค.63 เวลา 13.00 น.ที่ ห้องmdes1 กระทรวง ดีอีเอส ชั้น 9 อาคารบี ศูนย์ราชการฯ แจ้งวัฒนะ : พล.ต.ต.พันธนะ นุชนารถ​ ผบก.ขส.บช.ปส. ในฐานะหัวหน้าศูนย์ปราบปรามอาชญากรรมเทคโนโลยีสารสนเทศสำนักงานตำรวจแห่งชาติ​ (ศปอส.ตร.​) แถลงข่าวเรื่อง ผลการปราบปรามผู้กระทําความผิด ตามพรบ.คอมพิวเตอร์ และการดำเนินการตาม พรกฉุกเฉิน ในห้วงวันที่ 10-22 พฤษภาคม 2563

พล.ต.ต.พันธนะฯ เปิดเผยว่า เนื่องด้วยสภาวะสังคมปัจจุบันภัยอันตรายจาก Internetได้เพิ่มขึ้นและเปลี่ยนแปลงรูปแบบตลอดเวลา มีหลายรูปแบบที่กลุ่มมิจฉาชีพใช้ในการกระทำผิด เช่น สร้าง website ข่าวปลอม ปิดบังตัวตนผู้จดทะเบียน websitสร้างความเสียหายต่อความมั่นคงเศรษฐกิจของประเทศ สร้างความตื่นตระหนกแก่ประชาชน หรือหลอกลวงประชาชนโดยผ่านทางช่องทางสื่อ Online ต่างๆ​ กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม โดยนายพุทธิพษ์ ปุณณกันต์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม ได้ก่อตั้งศูนย์ต่อต้านข่าวปลอม (Anti-Fake News Center) เพื่อแก้ไขปัญหาข่าวปลอม ข่าวบิดเบือน ที่มีผลกระทบต่อสังคมในวงกว้าง ส่งผลกระทบต่อชีวิตและทรัพย์สินต่อประชาชนโดยตรง เช่น โรคระบาด ภัยพิบัติ ข่าวที่สร้างความแตกแยกในสังคม ข่าวที่สร้างความเข้าใจผิดต่อสังคมตลอดจนข่าวที่ทำลายภาพลักษณ์ต่อประเทศ

พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผบ.ตร.และ พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข รอง ผบ.ตร. มีความห่วงใยประชาชนผู้ที่ตกเป็นเหยื่ออาชญากรรมเหล่านี้ จึงมีนโยบายกำชับทุกหน่วย ทำการสืบสวน จับกุม ปราบปรามการกระทำผิดในลักษณะนี้มาโดยตลอด เพราะถือได้ว่าการกระทำผิดในลักษณะดังกล่าวได้สร้างความเสียหาย ไม่ว่าจะเป็นด้านความมั่นคง สร้างความเสียหายต่อระบบเศรษฐกิจ หรือ ส่งผลกระทบต่อประชาชนในวงกว้าง เกิดความตื่นตระหนก ผบ.ตร. จึงได้มีคำสั่งจัดตั้ง ศูนย์ปราบปรามอาชญากรรมเทคโนโลยีสารสนเทศสำนักงานตำรวจแห่งชาติ​ (ศปอส.ตร.)

โดยมอบหมายให้ พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข รอง ผบ.ตร. เป็นผู้อำนวยการศูนย์ เพื่อดำเนินการปราบปราม จับกุมผู้ที่กระทำผิดให้มารับโทษตามกฏหมาย พร้อมดำเนินการบรรเทาผลร้ายที่เกิดขึ้น การเยียวยาให้ผู้สียหายตามชั้นตอนของกระบวนการยุติธรรม สร้างความเชื่อมั่น ความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สิน ให้กับประชาชน​ และได้มอบหมายให้ พล.ต.ต.พันธนะ นุชนารถ​ ผบก.ขส.บช.ปส. เป็นหัวหน้าชุด เพื่อประสานความร่วมมือกับศูนย์ต่อต้านข่าวปลอม​ (Anti-Fake News Center) กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม

ผลการดำเนินการตรวจสอบการกระทำความผิดฯ และดำเนินคดีที่เกี่ยวกับการเสนอข่าวอันไม่เป็นความจริง บิดเบือนข่าวสารในสถานการณ์ฉุกเฉิน ตาม พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ พ.ศ.2550 และ พ.ร.ก.การบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ. 2548 ในหัวงวันที่ 10-22 พฤษภา คม พ.ศ.2563 พล.ต.ต.พันธนะ นุชนารถ ผบก.ข่าวกรองยาเสพติด หัวหน้าชุดประสานความร่วมมือกับศูนย์ต่อต้านข่าวปลอม (AntiFake News Center) กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมควบคุมการปฏิบัติของชุดปฏิบัติซึ่งได้สั่งกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจจากภาคส่วนต่างๆเข้าทำการตรวจค้น ตรวจยึดโทรศัพท์ของกลาง แจ้งข้อกล่าวหาและตำเนินการตามแนวปฏิบัติตาม พ.ร.ก.การบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ.2548

โดยได้มีการแจ้งข้อกล่าวหาจำนวน 6 ราย นำหมายคันเข้าตรวจค้นจำนวน 4 จุด เดินทางมาพบพนักงานสอบสวนด้วยตนเอง 2 ราย ปฏิบัติการโดยอาศัยอำนาจตาม พ.ร.ก.การ​บริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน 1 ราย รวมผลการปฏิบัติทั้งสิ้น​ 7​ ราย ซึ่งผลการตรวงคันในบางจุดได้มีการตรวจพบว่ามีการลักลอบมียาเสพติดประภท 1 (ยาบ้า) ไว้ในครอบครอง โดยผิดกฎหมายจึงได้ควบคุมตัวผู้ต้องหาพร้อมของกลางนำส่งพนักงานสอบสวนดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป

ปัจจุบันได้มีการประกาศใช้พ.ร.ก.การบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ.2548 ทำให้มีกลุ่มผู้ไม่หวังดี ได้กระทำการโพสต์ เสนอข่าว อันไม่เป็นความจริง ทำให้ประชาชนเกิดความหวาดกลัวหรือบิดเบือนข่าวสารทำให้เกิดความเข้าใจผิดในสถานการณ์ฉุกเฉิน จึงขอเตือนประชาชน ที่จะโพสต์ข้อมูลข่วสาร อาจเข้าข่ายเป็นการกระทำความผิดตาม พ.ร.บ.คอมพิว เตอร์ พ.ศ.2550 และ พ.ร.ก.การบริหาราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ.2548 ซึ่งมีอัตราโทษ จำคุกไม่เกิน5 ปี ปรับไม่กิน 10,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ หรือ จำคุกไม่เกิน 2 ปี ปรับไม่เกิน 40,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

โดยแจ้งข้อกล่าวหา 6 ราย เข้าตรวจค้นตามหมายค้น 4 ราย เชิญมาพบพนักงานสอนสวน 2 ราย ปฏิบัติการโดยอาศัยอำนาจตามพ.ร.ก.บริหารราชการในสถนการณ์ฉุกเฉินฯ ซึ่งผลการตรวจค้นในบางจุดได้มีกรตราจพบว่ามีการลักลอบ​ มียาเสพติดประภท1 (ยาบ้า) ได้ในความครอบครอง โคยผิดกฏหมาย โดยพบตัวและดำเนินคดี 6 รายคือ

1.น.ส.ณัฐริณี ฯ ได้ใช้เฟสบุ๊ก “ณัฐริณี…” โพสต์เนื้อหา “พบผู้ติดเชื้อโควิด-19 จำนวน 3 คน ที่ตลาดเสรี จ.นครปฐม” ซึ่งทางกรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข แจ้งว่าเป็นข่าวปลอม พบว่าอยู่ในพื้นที่ ต.อ้อมน้อย อ.กระทุ่มแบน จ.สมุทรสาคร จึงประสานให้เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.โพธิ์แก้ว เข้าตรวจตามหมายค้นเบื้องต้นพบเจ้าตัว และยอมรับว่าโพสต์จริง พร้อมตรวจยึดโทรศัพท์มือถือจำนวน 1 เครื่อง ที่ใช้ในการกระทำความผิด และ นำส่งพนักงานสอบสวน สภ.โพธิ์แก้ว เพื่อดำเนินการต่อไป

2 น.ส.ณัฐกฤตา ฯ ได้ไช้ฟสบุ๊ก “Natkita… ” โพสต์เนื้อหา “พบผู้ติดเชื้อโควิด-19 จำนวน 3 คน ทีตลาดเสรี จ.นครปฐม” ซึ่งทางกรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข แจ้งว่าเป็นข่าวปลอม พบว่าอยู่ในพื้นที่ ต.แพรกหนามแดง อ.อัมพวา จ.สมุทรสงคราม จึงประสานให้เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.โพธิ์แก้ว เข้าตรวจตามหมายค้น เบื้องต้นพบเจ้าตัว และยอมรับว่าโพสต์จริง พร้อมตรวจยึดโทรศัพท์มือถือจำนวน 1 เครื่อง ที่ใช้ในการกระทำความผิด และ นำส่งพนักงานสอบสวน สภ.โพธิ์แก้ว เพื่อดำเนินการต่อไป

3. นายสมชัย ฯ ได้ใช้เฟสบุ๊ก โพสต์เนื้อหา “ยาบ้าสามารถรักษาโรคโควิด-19 ได้” ซึ่งทางกรม ควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข แจ้งว่าเป็นข่าวปลอม พบว่าอยู่ในพื้นที่ ต.ดอนแก้ว อ.แม่ริม จ.เชียงใหม่ จึงประสานให้เจ้าหน้าที่ตำรวจ กกสส4 บก.สส.ภ.5 เข้าตรวจตามหมายค้น เบื้องต้นพบเจ้าตัว และยอมรับว่าโพสต์จริง พร้อมตรวจยึดโทรศัพท์มือถือจำนวน 1 เครื่อง ที่ใช้ในการกระทำความผิด และ นำส่งพนักงานสอบสวน สน.ทุ่งสองห้อง เพื่อดำเนินการต่อไป

4.นายบรรพตฯ ได้ใช้เฟสบุ๊ก “บรรพต…”โพสต์เนื้อหา “ยาบ้าสามารถรักษาโรคโควิด-19 ได้” ซึ่งทางกรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข แจ้งว่าเป็นข่าวปลอม พบว่าอยู่ในพื้นที่ ต.บังตูม อ.โซ่พิสัย จ.บึงกาฬ จึงประสานให้เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.โซ่พิสัย เข้าตรวจตามหมายค้น เบื้องต้นพบเจ้าตัว และยอมรับว่าโพสต์จริง พร้อมตรวจยึดโทรศัพท์มือถือจำนวน 1 เครื่อง ที่ใช้ในการกระทำความผิด และ นำส่งพนักงานสอบสวน สน.ทุ่งสองห้อง เบื้องต้นพบยาเสพติดประมาณ 108 เม็ดนำตัวไป สภ.โซ่พิสัยเพื่อขยายผลต่อไป

5. นายนฤเบศร์ ฯ ได้ใช้เฟสบุ๊ก “นฤเบศ…”โพสต์เนื้อหา “ยาบ้าสามารถรักษาโรคโควิด-19 ได้” ซึ่งทางกรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข แจ้งว่าเป็นข่าวปลอม พบว่าอยู่ในพื้นที่ ตำบลบางรักพัฒนา อำเภอบางบัวทอง จังหวัดนนทบุรี จึงประสานให้เจ้าหน้าที่ตำรวจ เข้าตรวจตามหมายค้น เบื้องตันพบเจ้าตัว และยอมรับว่าโพสต์จริง พร้อมตรวจยึดโทรศัพท์มือถือจำนวน 1 เครื่อง ที่ใช้ในการกระทำความผิด และ นำส่งพนักงานสอบสวน สน.ทุ่งสองห้อง เพื่อดำเนินการต่อไป

6. นายนิรุต ฯ ได้ใช้เฟสบุ๊ก “เจ้าพายุสายฟ้…” โพสต์เนื้อหา “ยาบ้าสามารถรักษาโรคโควิด-19 ได้” ซึ่งทางกรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข แจ้งว่าเป็นข่าวปลอม พบว่าประกอบอาชีพรับจ้างก่อสร้าง อยู่ที่ ต.ปากช่อง อ.ปากช่อง จ.นครราชสีมา จึงประสานให้เจ้าหน้าที่ตำรวจ เข้าพบตัวและเชิญตัวมาพบพนักงานสอบสวน กลุ่มงานสอบสวน สภ.ปากซ่อง เบื้องตันพบเจ้าตัว และยอมรับว่าโพสต์จริง พร้อมตรวจยึดโทรศัพท์มือถือจำนวน 1 เครื่อง ที่ใช้ในการกระทำความผิด และ นำส่งพนักงานสอบสวน สน.ทุ่งสองห้อง เพื่อดำเนินการต่อไป

การดำเนินการโดยอาศัยอำนาจตามข้อกำหนด (ฉบับที่ 1 ข้อที่ 6 ซึ่งออกตามความในมาตรา แห่งพ.ร.ก.การบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ..2548 พบตัว 1 ราย​ คือนางพัฒน์นรี ฯ ได้ใช้เฟสบุ๊ก “UD…” โพสต์ว่า “ฉีดวิตามินชี 10,000 มิลลิกรัมช่วย ป้องกันโควิด-19” ซึ่งทางกรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข แจ้งว่าเป็นข่าวปลอม พบว่าอยู่ที่ แขวงศาลาธรรมสพน์​ เขตทวีวัฒนากรุงเทพมหานคร จึงได้ให้เจ้าหน้าที่ตำรวจ สน.ธรรมศาลา เข้าเตือนให้ระงับ/สั่งให้แก้ไขข่าว อาศัยอำนาจตามข้อกำหนด (ฉบับที่ 1) ข้อที่ 6 ซึ่งออกตามความในมาตรา 9 แห่ง พ.ร.กการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ.2548


สุรเชษฐ​ ศิลา​นนท์​ รายงาน​

error: Content is protected !!