การบินไทยใจป้ำ จัดหนัก แถมค่าน้ำมันรถให้ผู้บริหารระดับสูง 75,000 บาท/เดือน ออนท็อปเงินเดือน 700,000 บาท
การให้ค่าน้ำมันรถรวมเป็นแพ็กเกจค่าจ้างถือเป็นเงื่อนไขการจ้างที่ทำกันได้ แต่ต้องมีความเหมาะสมและเป็นธรรมกับพนักงานทั้งหมดในองค์กร
การบินไทยได้จ่ายค่าเดินทาง (Transportation Allowance) หรือที่เรียกกันว่าค่าน้ำมันรถให้แก่พนักงานตั้งแต่ระดับ 8 ขึ้นไปที่จำเป็นต้องออกไปติดต่องานภายนอก ดังนี้
- ระดับ 8 หรือผู้จัดการแผนก เงินเดือนสูงสุด 83,000 บาทได้รับค่าน้ำมันรถ 2,915 บาท/เดือน
- ระดับ 9 หรือผู้จัดการกอง เงินเดือนสูงสุด 108,000 บาท ได้รับค่าน้ำมันรถ 3,200 บาท/เดือน
- ระดับ 10 หรือผู้อำนวยการ เงินเดือนสูงสุด 150,000 บาท ได้รับค่าน้ำมันรถ 6,900 บาท/เดือน
- ระดับ 11 หรือผู้อำนวยการใหญ่ (VP) เงินเดือนสูงสุด 240,000 บาท ได้รับค่าน้ำมันรถ 70,000 บาท/เดือน
- ระดับ 12 หรือผู้ช่วยรองกรรมการผู้อำนวยการใหญ่ (SVP) ได้รับเงินเดือนและสิทธิประโยชน์เท่ากับ VP
- ระดับ 13 หรือรองกรรมการผู้อำนวยการใหญ่ (EVP) เงินเดือน 650,000-700,000 บาท ได้รับค่าน้ำมันรถ 75,000 บาท/เดือน
จะเห็นว่าค่าน้ำมันรถของพนักงานระดับ 8-10 มีความเหมาะสม ไม่สูง แต่ค่าน้ำมันรถของพนักงานระดับ 11-13 นั้นสูงมาก โดยการบินไทยอ้างว่าพนักงานระดับนี้เป็นผู้บริหารระดับสูงที่ต้องมีรถประจำตำแหน่งพร้อมคนขับ แต่มีข้อโต้แย้งจากพนักงานที่ดำรงตำแหน่งในระดับดังกล่าวว่าตัวเองมีรถอยู่แล้ว ขอให้เปลี่ยนเป็นค่าน้ำมันและค่าจ้างคนขับแทน
การจ่ายค่าน้ำมันรถให้พนักงานระดับ 13 หรือรองกรรมการผู้อำนวยการใหญ่ (EVP) เป็นเงิน 75,000 บาท/เดือน เมื่อรวมกับเงินเดือนประมาณ 650,000-700,000 บาท และเงินสมทบกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ 9% ของเงินเดือนหรือคิดเป็น 58,500-63,000 บาท EVP จะมีรายได้รวมประมาณ 783,500-838,000 บาท/เดือน ซึ่งถือว่าสูงมาก จึงมีข้อท้วงติงจากพนักงานอื่นดังนี้
1. ในความเป็นจริง EVP ไม่ได้นำเงินค่าน้ำมันรถที่การบินไทยจ่ายให้ไปใช้ตามวัตถุประสงค์ ดังจะเห็นได้จาก เมื่อจะเดินทางไปติดต่องานภายนอกก็ยังคงเบิกรถและคนขับจากส่วนกลางของการบินไทยไปใช้เป็นประจำ
2. EVP เป็นพนักงานที่มีสัญญาจ้างเช่นเดียวกับกรรมการผู้อำนวยการใหญ่ (DD) แต่ DD ซึ่งได้รับเงินเดือนประมาณ 800,000 บาท เหมารวมทุกอย่าง ดังนั้น EVP ก็ควรได้รับเฉพาะเงินเดือนประมาณ 650,000-700,000 บาท เหมารวมทุกอย่างเช่นเดียวกัน ไม่ควรจะได้รับค่าน้ำมันรถและเงินสมทบกองทุนสำรองเลี้ยงชีพเพิ่มเติมอีกต่างหาก
การบินไทยกำลังเดินเข้าสู่กระบวนการฟื้นฟูกิจการในเร็ววันนี้ หากไม่ปิดรูรั่วการใช้เงิน ระวังจะก้าวลึกเกินกว่าการฟื้นฟูกิจการ นั่นคือล้มละลาย! ซึ่งผมไม่ต้องการให้เป็นเช่นนั้น
CR. ดร.สามารถ ราชพลสิทธิ์
รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์