ข่าวใหม่อัพเดท » ปกครอง !! บุกทลาย 2 บ่อนใหญ่ “เกาะภูเก็ต” จับนักพนันนับร้อยมั่วสุมเล่นพนัน ในสถานการณ์ พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ

ปกครอง !! บุกทลาย 2 บ่อนใหญ่ “เกาะภูเก็ต” จับนักพนันนับร้อยมั่วสุมเล่นพนัน ในสถานการณ์ พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ

1 กรกฎาคม 2020
0

ชุดปฏิบัติการพิเศษกรมการปกครอง บุกทลาย 2 บ่อนใหญ่บนเกาะภูเก็ต ในท้องที่อำเภอถลางและอำเภอเมืองภูเก็ต พบนักพนันร่วมร้อยยังมั่วสุมเล่นพนันท่ามกลางสถานการณ์ พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ

วันนี้ 30 มิ.ย. 2563 เวลา 15.30 น. นายรณรงค์ ทิพย์ศิริ ผู้อำนวยการศูนย์ปฏิบัติการบังคับใช้กฎหมาย พนักงานฝ่ายปกครอง สำนักการสอบสวนและนิติการ กรมการปกครอง พร้อมพนักงานฝ่ายปกครอง และสมาชิกกองอาสารักษาดินแดน เปิดปฏิบัติการ “ดีบุก” ทลาย 2 บ่อนใหญ่กลางเมืองภูเก็ต หลังจากประชาชนร้องเรียนศูนย์ดำรงธรรมและร้องสื่อมวลชนหลายสำนัก ว่ามีบ่อนการพนันผุดขึ้นจำนวนมากในพื้นที่จังหวัดภูเก็ต เปิดบ่อนพนันโปปั่น หรือที่ชาวบ้านเรียกว่า “บ่อนกุ้ง – ปลา” อย่างไม่เกรงกลัวกฎหมาย โดยไม่สนใจคำสั่งปิดแหล่งมั่วสุม ห้ามร่วมกลุ่ม ระยะหัวเลี้ยวหัวต่อการแพร่ระบาดโควิด-19 แต่อย่างใด หลังได้รับการร้องเรียน กรมการปกครองจึงส่งพนักงานฝ่ายปกครองเข้าไปทำการสืบสวนพบว่า

บ่อนพนันจุดแรก ตั้งอยู่กลางเมืองภูเก็ต ที่ลานกว้างหลังตึกแถวย่านพูนผล ถนนพูนผล ตำบลตลาดเหนือ อำเภอเมืองภูเก็ต จังหวัดภูเก็ต พบว่ามีการลักลอบเปิดบ่อนการพนันโปปั่น หรือที่ชาวบ้านเรียกว่า กุ้ง, ปลา, แมงดา, ดอกไม้ ซึ่งเป็นการพนันยอดนิยมบนเกาะภูเก็ต สภาพบ่อนเป็นพื้นที่โล่ง มีการล้อมรั้วด้วยกำแพงสังกะสีรอบทิศทางเพื่อบิดบังสายตาคนทั่วไปมิให้มองเห็นกิจกรรมภายในบ่อน โดยมีทางเข้าเป็นประตูบานเลื่อนขนาดใหญ่ สามารถรองรับรถยนต์กว่า 30 คัน ขับเข้าไปแอบซ่อนจอดเพื่อเล่นพนันภายในบ่อนได้ ซึ่งจะมีคนเฝ้าประตูคอยดูต้นทางตลอดเวลา ภายในบ่อนพบนักพนันกว่า 40 คน กำลังเบียดเสียดกันเข้าไปวางเดิมพันและลุ้นผลพนันอย่างสนุกสนาน ซึ่งแยกเป็น ชาย 30 คน หญิง 15 คน, เงินของกลาง 62,420 บาท และทองคำหนักหนึ่งบาท

บ่อนพนันจุดที่สอง ที่บริเวณใกล้สี่แยกเขาล้าน ตำบลศรีสุนทร อำเภอถลาง จังหวัดภูเก็ต พบว่ามีการลักลอบเปิดบ่อนพนันโปปั่นเช่นเดียวกัน บ่อนนี้มีรั้วสังกะสีกั้นเพื่อป้องกันมิให้คนภาย นอกมองเห็นกิจกรรมเล่นพนันด้านในได้ โดยมีรถยนต์และรถจักรยานยนต์จอดอยู่ภายในจำนวนมาก ภายในบ่อนพบนักพนันกว่า 42 คน กำลังรวมกลุ่มเล่นพนันอย่างครึกครื้น และมีนักพนันจากภายนอกเดินเข้าออกบ่อนตลอดเวลา ซึ่งแยกเป็นชาย 22 คน หญิง 20 คน, เงินของกลางในบ่อน 64,260 บาท และยังพบบัญชีเงินหมุนเวียนบ่อนละกว่าหนึ่งล้านบาทต่อวัน

รวมทั้ง 2 จุด เป็นจำนวน 87 คน เงินของกลาง 126,680 บาท จากนั้นได้นำตัวผู้ถูกจับทั้ง หมดมาทำบันทึกจับกุม ณ ที่ว่าการอำเภอเมืองภูเก็ต และที่ว่าการอำเภอถลาง ดำเนินคดีในข้อหาร่วมกันลักลอบจัดให้มีการเล่นอันระบุไว้ใน บัญชี ก. หมายเลข 2 (โปปั่น) เพื่อพนันเอาทรัพย์สินกันโดยผิดกฎหมาย และฝ่าฝืนข้อกำหนดตาม พ.ร.ก.การบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉินฯ ส่งพนักงานสอบสวนดำเนินคดีตามกฎหมาย

นายรณรงค์ ทิพย์ศิริ ผู้อำนวยการศูนย์ปฏิบัติการบังคับใช้กฎหมายพนักงานฝ่ายปกครอง เปิดเผยว่า บ่อนพนันทั้ง 2 แห่ง ที่เราเข้าจับกุมในวันนี้ เคยเปิดเป็นบ่อนพนันมานานแล้ว ชาวบ้านในพื้นที่เขาเดือดร้อนจนนำมาร้องเรียนออกสื่อมวลชนเป็นข่าวใหญ่โต ทำให้บ่อนปิดตัวไปชั่วคราว แต่พอเรื่องเงียบแล้วก็กลับมาเปิดบ่อนใหม่ซ้ำอีกครั้งในสถานที่เดิม โดยไม่เกรงกลัวกฎหมาย แม้จะอยู่ในสถานการณ์ พ.ร.ก.การบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน ซึ่งเราพบว่าบ่อนพนันทั้ง 2 แห่งนี้ เปิดพร้อมกับมาตรการคลายล็อก เฟส 4 และปล่อยปละละเลย ให้นักพนันเข้ามั่วสุมเล่นพนันกันได้โดยไม่มีการคัดกรองป้องกันโรคแต่อย่างใด

ด้าน พล.ต.ต.รุ่งโรจน์ ฐากูรปุณยสิริ ผบก.ภ.จว.ภูเก็ต กล่าวว่า ได้รับรายงานการจับกุมบ่อนการพนันครั้งนี้แล้ว ซึ่งมีการจับกุม 2 แห่ง ทั้งในพื้นที่รับผิดชอบของ สภ.เมืองภูเก็ต และ สภ.ถลางแล้ว และได้มีคำสั่งให้ 5 เสือ ข้าราชการตำรวจ จากทั้ง 2 สถานีตำรวจ ได้แก่ สภ.เมืองภูเก็ต และ สภ.ถลาง รวมทั้งสิ้นจำนวน 10 นาย ระดับ ผกก., รอง ผกก.ป.ฯ, รอง ผกก.สส.ฯ, สวป.ฯ, และ สว.สส.ฯ ไปปฏิบัติราชการยัง ศปก.ภ.จว.ภูเก็ต พร้อมทั้งได้แต่งตั้งคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงในเรื่องดังกล่าวที่เกิดขึ้นใน 2 พื้นที่แล้ว หากพบว่าเป็นความบกพร่องของเจ้าหน้าที่ตำรวจที่เกี่ยวข้อง ก็จะดำเนินการตามระเบียบอย่างเด็ดขาดต่อไป 

ด้าน พ.ต.อ.กฤษณะ พัฒนเจริญ รองโฆษก ตร. กล่าวว่า ที่ผ่านมา พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผบ.ตร. ได้กำชับให้ทุกท้องที่เพิ่มมาตราการในการป้องกัน และปราบปรามอาชญากรรมที่จะเกิดขึ้น ห้ามมิให้มีการปล่อยปละละเลย อบายมุข บ่อนการพนัน สถานบริการ ยาเสพติด การค้ามนุษย์ รวมไปถึงการกระทำความผิดที่เป็นการฝ่าฝืน พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ อย่างจริงจังและต่อเนื่อง สั่งห้ามมิให้เจ้าหน้าที่เข้าไปยุ่งเกี่ยวเรียกรับผลประโยชน์ต่างๆ โดยให้ผู้บังคับบัญชาสอดส่องดูแลความประพฤติของผู้ใต้บังคับบัญชาอย่างใกล้ชิด ทั้งในและนอกเวลาราชการ ตามคำสั่ง ตร.ที่ 1212/2537 หากพบตำรวจนายใดมีพฤติกรรม ประพฤติมิชอบ ทุจริตคอรัปชั่น จะดำเนินการตามกฎหมายและระเบียบวินัยอย่างเด็ดขาดไม่มีละเว้น อย่างไรก็ตามคงต้องรอการตรวจสอบข้อเท็จจริงในเรื่องดังกล่าวเสร็จสิ้นเสียก่อนว่า ท้องที่ที่เกิดเหตุได้มีการปล่อยปละละเลยหรือไม่ เพื่อให้ความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย


error: Content is protected !!