สืบสวนตม.3 ทลายขบวนการลักลอบขนแรงงานผิดกฎหมาย จังหวัดสระแก้ว
วันที่ 9 ก.ค.63 เวลา 10.30 น. ณ ห้องศูนย์ TIC ชั้น 4 อาคาร 1 สตม.(สวนพลู) สาธร กทม.: พล.ต.ท.สมพงษ์ ชิงดวง ผบช.สตม. พร้อมด้วย พล.ต.ต.พรชัย ขันตี รอง ผบช.สตม., พล.ต.ต. อาชยน ไกรทอง ผบก.ตม.3, พ.ต.อ.ทินกร รังมาตย์ รอง ผบก.ตม.3, พ.ต.อ.กฤษณะ พัฒนเจริญ รอง ผบก.ตม.3, พ.ต.อ.รัชธพงศ์ เตี้ยสุด ผกก.สส.บก.ตม.3 ร่วมแถลงข่าว 2 คดี ดังนี้
คดีที่ 1. เจ้าหน้าที่กก.สส.ตม.3 ร่วมทลายขบวนการลักลอบขนแรงงานผิดกฎหมาย จังหวัดสระแก้ว ได้จับกุมและกล่าวหานายไก่ อายุ 43 ปี สัญชาติไทย ว่า “รู้ว่าคนต่างด้าวเข้ามาในราชอาณาจักร โดยฝ่าฝืน พ.ร.บ.คนเข้าเมือง พ.ศ.2522 ให้เข้าพักอาศัย ซ่อนเร้น หรือช่วยด้วยประการใดๆ เพื่อให้คนต่างด้าวนั้นพ้นจากการจับกุม” และแรงงานต่างด้าวสัญชาติกัมพูชา จํานวน 18 ราย โดยกล่าวหาว่า “เป็นคนต่างด้าวเข้าอยู่ในราชอาณาจักรโดยไม่รับอนุญาต” พร้อมด้วยของกลาง คือ รถยนต์บรรทุกส่วนบุคคล ยี่ห้อนิสสัน รุ่นนาวาร่า ทะเบียน จ.สระแก้ว,โทรศัพท์มือถือ 3 เครื่อง และ สมุดควบคุมการจ่ายงาน
โดยมีรายละเอียดดังนี้ เจ้าพนักงานชุดจับกุมได้รับแจ้งจากสายลับว่ามีกลุ่มขบวนการลักลอบนําคนต่างด้าวเพื่อเข้ามาและอยู่ในราชอาณาจักรโดยผิดกฎหมาย ซึ่งในช่วงสถานการณ์โควิดด่านชายแดนปิด บุคคลต่างด้าวกลุ่มดังกล่าวได้ลักลอบเดินทางออกนอกราชอาณาจักรไทยไป ต่อมาได้ลักลอบเดินทางกลับเข้ามาในราชอาณาจักรอีกครั้งตามช่องทางธรรมชาติบริเวณชายแดนบ้านผ่านศึก ต.ผ่านศึก อ.อรัญประเทศ จ.สระแก้ว โดยกลุ่มขบวนดังกล่าวมีนายมืด ไม่ทราบนามสกุล เป็นหัวหน้า จะมีกลุ่มขบวนการนำคนต่างด้าวเดินเท้าข้ามชายแดนฝั่งตลาดบ้าน ออปอ (ประเทศกัมพูชา) เพื่อเข้ามาในราชอาณาจักรไทย ในการเดินทางจะมากันเป็นกลุ่มจำนวนไม่แน่นอนในเวลากลางคืนเพื่อหลีกเลี่ยงการจับกุม จนกระทั่งในเวลารุ่งสางจะนำรถยนต์บรรทุกเพื่อขนถ่ายมายังสถานที่นัดหมายเพื่อคัดแยก และลักลอบเดินทางเข้าเมืองชั้นใน ทั้งนี้ กลุ่มคนต่างด้าวจะถือหนังสือเดินทางที่มีการรับรองลงตราถูกต้องเพื่อตบตาเจ้าหน้าที่กรณีถูกตรวจสอบ จึงรายงานให้ผู้บังคับบัญชาทราบ
ต่อมาก่อนเกิดเหตุ รับแจ้งว่าในเวลาดึกของคืนก่อนเกิดเหตุ จะมีกลุ่มคนต่างด้าวจำนวน 10-20 คน ลักลอบเดินทางข้ามชายแดนและจะมารอยังจุดริมถนนหนองปรือ-คลองน้ำใส และจะมีรถยนต์กระบะบรรทุกซุกซ่อนเพื่อหลีกเลี่ยงการตรวจค้นไปยังบ้านนายมืด ไม่ทราบชื่อนามสกุลจริง บริเวณที่เกิดเหตุ จนกระทั่งในเวลารุ่งเช้าจึงเดินทางไปยังที่เกิดเหตุพบนายไก่ ผู้ถูกจับที่ 1 ซึ่งกำลังคัดแยกกลุ่มคนต่างด้าว ผู้ถูกจับที่ 2-19 และบางส่วนที่หลบหนี เพื่อจะส่งไปยังจุดนัดหมายปลายทาง เจ้าหน้าที่ชุดจับจึงได้แสดงตัวเป็นเจ้าพนักงานตรวจคนเข้าเมืองเพื่อตรวจสอบหนังสือเดินทางหรือเอกสารอื่นที่ใช้แทนหนังสือเดินทาง ผู้ถูกจับที่ 1 จึงได้ตะโกนบอกผู้อื่นให้วิ่งหลบหนีซ่อนตัว ขณะนั้นได้สังเกตเห็นรถยนต์กระบะ ยี่ห้อเชฟโรเลตสีดำ ทะเบียนกรุงเทพฯ จอดอยู่ มีชายไทยสองคนยืนพูดคุยกันอยู่ (ทราบภายหลังว่าเป็น นายคณพศ หรือมืด และนายสมโพด) เมื่อชายทั้งสองเห็นเจ้าหน้าที่ได้ขึ้นขับขี่รถยนต์คันดังกล่าวหลบหนีไปด้วยความรวดเร็ว แต่ได้ทิ้งรถยนต์บรรทุกส่วนบุคคล ยี่ห้อนิสสัน รุ่น นาวาร่า ของกลาง (ตรวจสอบพบผู้ครอบครองคือ นายสมโพด) จอดอยู่มีสัมภาระทิ้งไว้เพื่อเตรียมบรรทุกวางอยู่ข้างรถ และพบโทรศัพท์มือถือยี่ห้อ SAMSUNG ของกลาง และโทรศัพท์มือถือยี่ห้อ VIVO ของกลาง วางอยู่บริเวณม้านั่ง
จากการตรวจสอบข้อมูลภายในเครื่องประกอบกับนายไก่ ผู้ถูกจับที่ 1 ยืนยันของกลางว่าเป็นของนายคณพศ และนายสมโพด จริง นอกจากนั้นยังพบสมุดควบคุมการจ่ายงาน ซึ่งเป็นรายละเอียดแจ้งสถานที่จัดส่งคนต่างด้าวที่หลบหนีเข้าเมืองไปยังจุดหมายปลายทาง,ราคาค่าบริการ และหมายเลขโทรศัพท์ติดต่อ
คดีที่ 2. สืบเนื่องจากการจับกุมการขนคนงานเมื่อวันที่ 1 ก.ค.63 กก.สส.บก.ตม.3 ได้ร่วมกับ ตม.จ.สระแก้ว, ตชด.12,สภ.บ้านทัพไทย และเจ้าหน้าที่ทหารหน่วยเฉพาะกิจตา พระยา สืบสวนหาข่าวเกี่ยวกับการลักลอบเข้าเมืองโดยผิดกฎหมายของแรงงานต่างด้าวชาวกัมพูชา ซึ่งขบวนการลักลอบนำคนต่างด้าวเพื่อเข้ามาและอยู่ในราชอาณาจักรโดยผิดกฎ หมาย โดยในช่วงสถานการณ์โควิดด่านชายแดนปิด บุคคลต่างด้าวกลุ่มดังกล่าวได้ลักลอบเดินทางออกนอกราชอาณาจักรไทยไป ต่อมาได้ลักลอบเดินทางกลับเข้ามาในราชอาณา จักรอีกครั้ง ตามช่องทางธรรมชาติบริเวณชายแดน อ.ตาพระยา จ.สระแก้ว จากการสืบสวนทราบว่าจะมีการลักลอบเข้าเมืองของแรงงานดังกล่าวที่ บริเวณบ้านคลองแผง ม.10 ต.ทัพเสด็จ อ.ตาพระยา จ.สระแก้ว จึงได้รายงานให้ผู้บังคับบัญชาทราบ
ต่อมาในวันที่ 8 ก.ค.63 จึงได้ร่วมกำลังกันไปสุ่มสังเกตการณ์อยู่ในบริเวณทุ่งนา ม.10 บ้านคลองแผงฯ ที่เกิดเหตุจนกระทั่งเวลาประมาณ 22.30 น.ได้เริ่มสังเกตเห็นกลุ่มคนต่างด้าว จำนวนกว่า 60 คน รวมกลุ่มมั่วสุมกันเป็นจำนวนมากไม่พบว่ามีสวมใส่หน้ากากอนามัยหรือสิ่งป้องกันเชื้อโรคซึ่งอาจก่อให้เกิดการแพร่ระบาดเชื้อโรคได้ เมื่อเห็นเจ้าหน้าที่คนต่างด้าวบางส่วนได้พยายามหลบหนี เจ้าหน้าที่ชุดจับกุมจึงได้แสดงตัวเป็นเจ้าพนักงานตรวจคนเข้าเมืองเพื่อตรวจสอบหนังสือเดินทาง หรือเอกสารอื่นที่ใช้แทนหนังสือเดินทาง
ผลการตรวจสอบพบเป็นคนต่างด้าวสัญชาติกัมพูชา จำนวน 63 คน โดยแบ่งเป็นกลุ่มดังนี้ 1)กลุ่มมีหนังสือเดินทางจำนวน 32 คน เป็นชาย 19 คน หญิง 13 คน, 2) กลุ่มไม่มีหนังสือ เดินทาง จำนวน 27 คน เป็นชาย 15 คน หญิง 12 คน และเป็นผู้ติดตามหรือบุตรของคนต่าง ด้าว อีกจำนวน จำนวน 4 คน
ผู้ต้องหาทั้งหมดให้การรับสารภาพว่า ได้ร่วมกันออกเดินทางจากที่พักในประเทศกัมพูชาจะมีผู้ขับขี่รถยนต์ขนส่งไปยัง จุดบ้านบึงตะกวน โดยพำนักอยู่รวมกันอย่างแออัดเป็นเวลา 2 วัน จึงได้เดินทางข้ามฝั่งเข้ามาในราชอาณาจักรไทยจนถึงบริเวณที่เกิดเหตุ ภายหลังจะมีผู้นำพาไปพักในสถานที่ใกล้เคียงเพื่อคัดแยกและจำแนกสถานที่เป้าหมายในการเดินทาง โดยเสียค่าใช้จ่ายไม่เท่ากันแล้วแต่ระยะทางเป้าหมายปลายทาง
เจ้าหน้าที่จึงทำการจับกุมตัวและแจ้งข้อกล่าวหา “เป็นคนต่างด้าวเดินทางเข้ามาในราชอาณาจักรโดยไม่ได้รับอนุญาตและมั่วสุมในลักษณะที่เสี่ยงต่อการแพร่เชื้อโรคตามข้อกำหนดในมาตรา 9 ฉบับที่ 1 ข้อ 5 แห่งพระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ.2548” ผู้ถูกจับให้การรับสารภาพตลอดข้อกล่าวหา จึงได้นำตัวส่ง พงส.สภ.บ้านทัพไทย เพื่อดำเนินการตามกฎหมายต่อไป ในส่วนของกลุ่มขบวนการลักลอบนำพาจะได้ดำเนินการสืบสวนจับกุมต่อไป
พล.ต.ท.สมพงษ์ฯ ขอฝากประชาสัมพันธ์ให้ทราบว่า สตม.มีมาตรการในการตรวจสอบ กวดขัน และปราบปรามการกระทำความผิดในด้านต่างๆ หากประชาชนท่านใดพบเห็นเบาะแสการกระทำความผิด กรุณาแจ้งมายัง สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง เลขที่ 507 ซ.สวนพลู แขวงทุ่งมหาเมฆ เขตสาทร กรุงเทพมหานคร 10120 หรือที่หมายเลขโทรศัพท์ 1178 หรือที่ www.immigration.go.th จักขอบพระคุณเป็นอย่างยิ่ง
สุรเชษฐ ศิลานนท์ รายงาน