สืบสวนตม.ขยายผลคดี PHISHING หลอกผู้เสียหาย 2 ราย สูญเงินร่วม 5 แสนบาท
วันที่ 22 ก.ค.63 เวลา 10.30 น. ณ ห้องศูนย์ TIC ชั้น 4 อาคาร 1 สตม.(สวนพลู) สาธร กทม. : พล.ต.ท.สมพงษ์ ชิงดวง ผบช.สตม. พร้อมด้วย พล.ต.ต.พรชัย ขันตี, พล.ต.ต.สุรพงษ์ ชัยจันทร์ รอง ผบช.สตม., พล.ต.ต.พรชัย ขจรกลิ่น ผบก.สส.สตม., พ.ต.อ.วีรพล สวัสดี รอง ผบก.สส.สตม. และ พ.ต.อ.สถิตย์ พรมอุทัย รอง ผบก.สส.สตม. ได้แถลงข่าวการจับกุมผู้ต้องหารายสำคัญ ดังนี้
บก.สส.สตม. และ ศปชก.สตม. ได้รับแจ้งจากผู้เสียหายและฝ่ายป้องกันการทุจริต ธนาคารออมสิน จำกัด (มหาชน) ว่า มีกลุ่มคนร้ายโทรศัพท์เข้าหมายเลขโทรศัพท์มือถือของผู้เสียหายที่เปิดบัญชีไว้กับธนาคารออมสิน โดยอ้างตนเป็นเจ้าหน้าที่ของธนาคารพูดจาหว่านล้อมหลอกลวงขอรหัสผ่านที่ใช้ได้เพียงครั้งเดียวหรือรหัส OTP ที่แจ้งมายังหมายเลขโทรศัพท์มือถือของผู้เสียหาย เมื่อผู้เสียหายหลงเชื่อจึงแจ้งหมายเลขรหัส OTP แก่คนร้าย
จากนั้น กลุ่มคนร้ายได้ติดตั้งแอปพลิเคชั่นการทำธุรกรรมทางการเงินบนโทรศัพท์มือถือของธนาคารออมสิน หรือแอปพลิเคชั่นมายโม (MyMo) แล้วทำการสวมรอยเป็นเจ้าของบัญชีถอนเงินออกจากบัญชีของผู้เสียหายโดยไม่ใช้บัตรเอทีเอ็ม (Cardless) หรือทำการโอนเงินจากบัญชีธนาคารออมสินของผู้เสียหายเข้าบัญชีธนาคารของคนร้ายที่เปิดรองรับไว้แล้วถอนเงินสดออกจากตู้เอทีเอ็ม มีผู้เสียหาย 2 ราย ถูกคนร้ายหลอกลวงทำให้เสียหายเป็นจำนวนเงินรวม 487,420 บาท ผู้เสียหายแจ้งความร้องทุกข์กับพนักงานสอบสวน สภ.โคกขาม จ.สมุทรสาคร
เจ้าหน้าที่ตำรวจ บก.สส.สตม. และ ศปชก.สตม. ได้ร่วมกันทำการสืบสวนจนทราบว่าคนร้ายในคดีนี้ คือนายพนาฯ และนายชูศักดิ์ฯ ที่เคยถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจ บก.สส.สตม. และ ศปชก. สตม. จับกุมตามหมายจับศาลจังหวัดสระบุรี ในความผิดฐาน “ร่วมกันฉ้อโกงประชาชนโดยแสดงตนเป็นคนอื่น พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ฯ และร่วมกันลักทรัพย์” ดำเนินคดีตามกฎหมายก่อนหน้านี้แล้ว
โดย นายพนาฯ ซึ่งเป็นลูกทำหน้าที่เป็นผู้หลอกลวงผู้เสียหายแล้ว สวมรอยโอนเงินจากบัญชีผู้เสียหายไปยังบัญชีอื่นที่นายชูศักดิ์ (ผู้เป็นพ่อ) เปิดรอไว้ จากนั้นนายพนาก็จะทำการ กดถอนเงินจากตู้เอทีเอ็ม เพื่อนำไปใช้เล่นการพนันและเที่ยวเตร่ กก.1 บก.สส.สตม. จึงรวบรวมพยานหลักฐานและจัดทำรายงานการสืบสวนส่งมอบให้พนักงานสอบสวน สภ.โคกขาม จ.สมุทรสาคร เพื่อขอออกหมายจับ
ต่อมาเมื่อวันที่ 16 กรกฎาคม 2563 ศาลจังหวัดสมุทรสาคร ได้อนุมัติหมายจับผู้ต้องหาทั้งสองคน ในความผิดฐาน “ร่วมกันฉ้อโกงโดยแสดงคนเป็นคนอื่นด้วยการแสดงข้อความอันเป็นเท็จต่อประชาชน หรือด้วยการปกปิดความจริงซึ่งควรบอกให้แจ้งแก่ประชาชน และโดยการหลอกลวงดังว่านั้นได้ไปซึ่งทรัพย์สินจากผู้ถูกหลอกลวงหรือบุคคลที่สาม,โดยทุจริตหรือโดยหลอกลวงนำเข้าสู่ระบบฯ” พนักงานสอบสวน สภ.โคกขาม จ.สมุทรสาคร จึงได้ทำการอายัดตัวผู้ต้องหาทั้งสองคนต่อเรือนจำจังหวัดสระบุรี ไว้เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายเพิ่มเติมต่อไปแล้ว
พล.ต.ท.สมพงษ์ฯ ได้กล่าวว่า OTP หรือ One Time Password คือชุดรหัสผ่านใช้งานครั้งเดียวที่ระบบสร้างขึ้นเพื่อความปลอดภัยในการทำธุรกรรมทางอินเทอร์เน็ตซึ่งระบบจะส่งไปยัง Email,SMS หรือส่งเข้าแอปพลิเคชันของคุณเพื่อใช้ตรวจสอบยืนยันการเป็นเจ้าของบัญชีก่อนการเข้าถึงและเปลี่ยนแปลงข้อมูลส่วนตัวต่างๆ ซึ่งปัจจุบันมีคดีที่คนร้ายแอบอ้างเป็นเจ้าหน้าที่ของธนาคารและหลอกขอรหัส OTP จากผู้เสียหาย ทำให้สูญเงินเกิดขึ้นหลายราย ดังนั้น จึงขอประชาสัมพันธ์ไปยังประชาชนทั่วไปอย่าได้หลงเชื่อผู้ที่แอบอ้างเป็นเจ้าหน้าที่ธนาคารและอย่าให้รหัส OTP หรือ One Time Password แก่ผู้ใดเป็นอันขาด
พล.ต.ท.สมพงษ์ฯ ขอเรียนให้ท่านทราบว่า สตม. มีมาตรการในการตรวจสอบ กวดขัน และปราบปรามการกระทำความผิดในด้านต่างๆ รวมทั้งดำเนินการตรวจสอบชาวไทยและชาวต่างชาติที่มีพฤติกรรมไม่เหมาะสม กระทำผิดกฎหมาย ก่อเหตุอันตรายต่อความสงบสุขและความปลอดภัยในชีวิตทรัพย์สินของประชาชน ทำให้เกิดความเสียหายต่อภาพลักษณ์ของประเทศชาติ หากประชาชนท่านใดพบเห็นเบาะแสการกระทำความผิด กรุณาแจ้งมายัง สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง เลขที่ 507 ซ.สวนพลู แขวงทุ่งมหาเมฆ เขตสาทร กรุงเทพมหานคร 10120 หรือที่หมายเลขโทรศัพท์ 1178 หรือที่ www.immigration.go.th จักขอบพระคุณอย่างยิ่ง
สุรเชษฐ ศิลานนท์ รายงาน