ข่าวใหม่อัพเดท » เพชรบูรณ์ พยัคฆ์ไพรจับมือ กอ.รมน.เปิดยุทธการทวงคืนผืนป่า บุกยึดที่ดินปลูกยางพารา กว่า 3,462 ไร่ จากนายทุนภาคใต้

เพชรบูรณ์ พยัคฆ์ไพรจับมือ กอ.รมน.เปิดยุทธการทวงคืนผืนป่า บุกยึดที่ดินปลูกยางพารา กว่า 3,462 ไร่ จากนายทุนภาคใต้

23 กรกฎาคม 2020
0

เพชรบูรณ์ – พยัคฆ์ไพรจับมือ กอ.รมน.เปิดยุทธการทวงคืนผืนป่า ที่อำเภอหนองไผ่ ล็อคเป้าบุกยึดที่ดิน กว่า 3,462 ไร่ จากนายทุนภาคใต้แจ้ง 3 ข้อกล่าวหา

เมื่อเวลา 09.30 น. วันที่ 22 กรกฎาคม 2563 ที่หน่วยป้องกันรักษาป่าที่ พช.9 (บ้านโคกเจริญ) ต.บ่อไทย อ.หนองไผ่ จ.เพชรบูรณ์ ภายใต้การอำนวยการของ นายอรรถพล เจริญชันษา อธิบดีกรมป่าไม้ ผู้อำนวยการศูนย์ปฏิบัติการพิทักษ์ป่า (ศปก.พป.) กระทรวงทรัพยากร ธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม, พลโทเรืองสิทธิ์ มิตรภานนท์ ผู้อำนวยการศูนย์ประสานการปฏิบัติที่ 4 กอ.รมน., นายชีวภาพ ชีวะธรรม ผู้อำนวยการป้องกันรักษาป่าและควบคุมไฟป่า ได้สั่งการให้ นายนฤพนธ์ ทิพย์มณฑา หัวหน้าหน่วยเฉพาะกิจปราบปรามพิเศษ (พยัคฆ์ไพร) สำนักป้องกันรักษาป่าและควบคุมไฟป่า กรมป่าไม้ ประสานการปฏิบัติร่วมกับ พันเอกพงษ์เพชร เกษสุภะ หัวหน้าชุดปฏิบัติการ ศปป.4 กอ.รมน. ร่วมกับ หน่วยป้องกันรักษาป่าที่ พช.9 (บ้านโคกเจริญ) นำกำลังเจ้าหน้าที่ ศูนย์ปฏิบัติการพิทักษ์ป่า, หน่วยเฉพาะกิจปราบปรามพิเศษ, สำนักจัดการทรัพยากรป่าไม้ที่ 4 สาขาพิษณุโลก, ชุดปฏิบัติการ ศปป.4 กอ.รมน., กอ.รมน.เพชรบูรณ์, ตำรวจ สภ.หนองไผ่ และฝ่ายปกครองตำบลท่าด้วง ได้ลงพื้นที่ตรวจยึดพื้นที่ ที่นายทุนภาคใต้บุกรุกป่าสงวนแห่งชาติป่าลำกงและป่าคลองตะโก ในพื้นที่หมู่ 4 หมู่ 6 และหมู่ 8 ตำบลท่าด้วง อำเภอหนองไผ่ จังหวัดเพชรบูรณ์ รวม 7 แปลง เนื้อที่ประมาณ 3,462 ไร่ เพื่อเปิดปฏิบัติการทวงคืนผืนป่า และวางเป้าหมายในการลงพื้นที่ เพื่อทำการจับกุมผู้บุกรุกและตรวจยึดพื้นที่ ดังกล่าว

ซึ่งจากการตรวจสอบเบื้องต้น พื้นที่ตรวจยึด ทั้ง 7 แปลง จำนวน 3,462 ไร่ พบว่าแปลงที่ 1 -6 เป็นของกลุ่มนายทุนจากภาคใต้ ส่วนแปลงที่ 7 เป็นของนายทุนในพื้นที่ จึงได้ทำการตรวจยึดทั้งหมดพร้อมตั้งข้อกล่าวหา (1) กระทำความผิดตามพระราชบัญญัติป่าสงวนแห่งชาติ พ.ศ. 2507 ฐาน “ยึดถือครอบครองทำประโยชน์หรืออยู่อาศัยในที่ดิน ก่อสร้าง แผ้วถางทำด้วยประการใด ๆ อันเป็นการเสื่อมเสียแก่สภาพป่าสงวนแห่งชาติโดยมิได้รับอนุญาต, (2) กระทำความผิดตามพระราชบัญญัติป่าไม้ พุทธศักราช 2484 มาตรา ฐาน “ก่อสร้าง แผ้วถาง เผาป่า ทำด้วยประการใด ๆ อันเป็นการทำลายป่าเข้ายึดถือครอบครองป่าเพื่อตนเองหรือผู้อื่นโดยไม่ได้รับอนุญาต”, และ (3) กระทำความผิดตามประมวลกฎหมายที่ดิน มาตรา ๙ ฐาน “เข้าไปยึดถือครอบครอง ก่นสร้าง เผาป่า ทำด้วยประการใด ๆ ให้เป็นการทำลาย หรือทำให้เสื่อมสภาพที่ดินของรัฐโดยไม่มีสิทธิครอบครองหรือมิได้รับอนุญาตจากพนักงานเจ้าหน้าที่” และมีหน้าที่ต้องรับผิดชดใช้ค่าเสียหายตามมูลค่าทั้งหมดของทรัพยากรธรรมชาติที่ถูกทำลาย สูญหาย หรือเสียหายไปนั้น ตามมาตรา 26/4 แห่งพระราชบัญญัติป่าสงวนแห่งชาติ พ.ศ.2507

โดย นายนฤพนธ์ ทิพย์มณฑา หัวหน้าหน่วยเฉพาะกิจปราบปรามพิเศษ(พยัคฆ์ไพร) กรมป่าไม้ กล่าวว่า เมื่อวานนี้ ได้ทำการประชุมผู้นำหมู่บ้านและชาวบ้านเรียบร้อยแล้ว เพื่อคัดกรองเป้าหมาย จึงยืนยันว่าปฏิบัติการครั้งนี้ เน้นเป้าหมายนายทุนจริงๆ โดยไม่มีชาวบ้านที่จะได้รับผลกระทบ ซึ่งหลังจากตรวจยึดพื้นที่ทั้งหมดแล้ว บางแปลงก็จะทำเป็นป่าชุมชน และเร่งฟื้นฟูปลูกป่าทดแทน รื้อถอนตัดฟัน เพื่อปลูกป่าพื้นถิ่น ส่งเสริมให้เป็นป่าธรรมชาติดังเดิม
ด้าน พอ.พงษ์เพชร กล่าวย้ำว่า นายทุนที่บุกรุกยึดครองป่าบริเวณนี้ เป็นนายทุนจากภาคใต้และเข้ามากว้านซื้อที่ดินไว้ตั้งแต่เมื่อปี 2553-2554 เพื่อทำสวนยางและสวนปาร์ม ฉะนั้นเป้าหมายที่จะปฏิบัติการในวันนี้ จึงเป็นนายทุนจริงๆ ส่วนกรณีชาวบ้าน หากจะมารับข้อหาแทนก็ต้องว่ากันไป

ขณะเดียวกัน ในระหว่างเจ้าหน้าที่ประชุมวางแผน ก่อนเข้าปฏิบัติการ ได้มีกระแสข่าวว่า จะมีชาวบ้านส่วนหนึ่ง เตรียมออกมาต่อต้านปฎิบัติการครั้งนี้ แต่หลังจากตรวจเช็คอย่างละเอียด ก็ไม่พบว่ามีกลุ่มชาวบ้านออกมาเคลื่อนไหวต่อต้าน แต่อย่างใด


error: Content is protected !!