กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 ส่วนหน้า เข้มเอาผิดผู้ลักลอบการตัดไม้ทำลายป่าชายแดนใต้
วันที่ 5 สิงหาคม 2563 พันเอก เกียรติศักดิ์ ณีวงษ์ โฆษกกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 ส่วนหน้า แถลงผลการปฏิบัติการป้องกันและปราบปรามการทำลายทรัพยากรป่าไม้ในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ ของ กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 ส่วนหน้า ซึ่งได้บูรณาการร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในพื้นที่ ทั้งกำลัง ทหาร ฝ่ายปกครอง และเจ้าหน้าที่หน่วยป้องกันรักษาป่าในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ ดำเนินการปราบปรามการลักลอบตัดไม้ทำลายป่า และแปรรูปไม้ เพื่อจำหน่าย รวมทั้งลุกล้ำพื้นที่ในเขตป่าสงวนเพื่อทำการเกษตร ตั้งแต่ ตุลาคม 2561 จนถึงปัจจุบัน พบว่าป่าในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ ถูกบุกรุกไปแล้วถึงกว่า 200 ไร่ โดยได้ดำเนินการจับกุมดำเนินคดีกับกลุ่มผู้กระทำผิดตาม พรบ.ป่าไม้ ได้ จำนวน 11 คน, ตรวจยึดเลื่อยโซ่ยนต์ จำนวน 20 เครื่อง, รถบรรทุกสิบล้อ 2 คัน, รถถากถางสำหรับทำถนนเพื่อเข้าไปชักลากไม้ในป่าจำนวน 1 คัน, รถแบ็กโฮ จำนวน 1 คัน
นอกจากนี้ยังตรวจพบไม้ในพื้นที่ป่าสงวนถูกตัดทำลายเป็นจำนวนมาก โดยเฉพาะไม้ตะเคียนชันตาแมว ไม้หลุมพอ ไม้ยาง และไม้มีค่าทางเศรษฐกิจอีกหลายรายการ รวมทั้งตรวจยึดไม้ซุงที่ยังไม่ได้แปรรูปกว่า 500 ท่อน ไม้ที่แปรรูปแล้ว 1,125 แผ่น บางส่วนนำมาคิดเป็นปริมาตรได้รวม 132.71 ลูกบาศก์เมตร รวมมูลค่าความเสียหายหลายล้านบาท
ทั้งนี้ พื้นที่ที่ถูกลักลอบตัดไม้และแผ้วถาง ส่วนใหญ่จะเป็นพื้นที่ป่าต้นน้ำที่มีความอุดมสมบูรณ์ ได้แก่ ป่าสงวนแห่งชาติป่าบองอ, อุทยานแห่งชาติบูโด และอุทยานแห่งชาติน้ำตกซีโป ซึ่งกระจายอยู่ในเขตพื้นที่ อำเภอรือเสาะ, อำเภอสุคิริน, อำเภอศรีสาคร, อำเภอสุไหง ปาดี และ อำเภอจะแนะ จังหวัดนราธิวาส ในส่วนพื้นที่จังหวัดยะลา พบการลักลอบตัดไม้ทำลายป่าเป็นจำนวนมาก ในพื้นที่อำเภอธารโต, อำเภอยะหา และ อำเภอเบตง จังหวัดสงขลา พบการลักลอบตัดไม้ทำลายป่า ในพื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติป่าเขาแดนและป่าเขาเสม็ด ซึ่งครอบคลุมพื้นที่ อำเภอสะบ้าย้อย และ อำเภอนาทวี
พลโท พรศักดิ์ พูลสวัสดิ์ แม่ทัพภาคที่ 4/ผู้อำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 มีความห่วงใยเกี่ยวกับปัญหาดังกล่าว ประกอบกับได้ลงพื้นที่ตรวจเยี่ยมเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่า ฮาลา บาลา ตำบลโละจูด อำเภอแว้ง จังหวัดนราธิวาส เพื่อประชุมหารือร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยว ข้อง เพื่อร่วมกันดูแลรักษาป่าฮาลา – บาลาโดยได้เน้นย้ำให้เจ้าหน้าที่ทุกนายร่วมกันปกป้องดูแลผืนป่า รวมทั้งชี้แจงให้ประชาชนรับรู้ถึงโทษภัย จากการทำลายป่าต้นน้ำ ซึ่งป่าไม้ในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ เปรียบเสมือนเพชรเม็ดงามที่ทุกคนต้องช่วยกันดูแล “คนกับป่าต้องอยู่ร่วมกันได้” หากป่าไม้ในพื้นที่มีความอุดมสมบูรณ์ ก็จะสามารถพัฒนาเป็นสถานที่ท่องเที่ยว สร้างคุณภาพชีวิต กระจายรายได้แก่ชุมชนและบริเวณใกล้เคียงได้อีกทางหนึ่ง
ทั้งนี้ ปัจจุบันในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้พบว่ายังคงมีการลักลอบตัดไม้ทำลายป่าเป็นจำนวนมาก และมีการเคลื่อนย้ายไม้หวงห้าม ไม้ท่อน, ไม้ซุง และไม้แปรรูป ส่งออกจำหน่าย ทั้งภายในและภายนอกเขตพื้นที่ มาอย่างต่อเนื่อง เพื่อเป็นการป้องกันและปราบปรามผู้กระทำผิด กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 ส่วนหน้า จึงออกประกาศเรื่องมาตรการควบคุมการเคลื่อนย้ายไม้ เข้า – ออก ในเขตพื้นที่ จังหวัดยะลา , ปัตตานี, นราธิวาส และ จังหวัดสงขลา โดยห้ามมิให้ผู้ใดเคลื่อนย้ายไม้หวงห้าม โดยไม่ได้รับอนุญาตจากพนักงานเจ้าหน้าที่ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมจังหวัดโดยเด็ดขาด ทั้งนี้การเคลื่อนย้ายไม้หวงห้าม เข้า -ออก พื้นที่ ต้องแจ้งการเคลื่อนย้ายต่อหน่วยเฉพาะกิจในพื้นที่ทั้ง 4 จังหวัด คือปัตตานี, นราธิวาส, สงขลา หรือหน่วยเฉพาะกิจนาวิกโยธินกองทัพเรือ หากผู้ใดฝ่าฝืนต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 2 ปี หรือปรับไม่เกิน 4 หมื่นบาท
กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 ส่วนหน้า ขอความร่วมมือไปยังพี่น้องประชาชน หากพบเห็นการกระทำผิด พรบ.ป่าไม้ มีการแผ้วถางป่าสงวนเพื่อการเกษตร หรือนำไม้ออกจากเขตป่าสงวนโดยผิดกฎหมาย สามารถแจ้งไปได้ที่ ศูนย์สายด่วนพิทักษ์ป่า หมายเลขโทรศัพท์ 1362 หรือ สายด่วน กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 ส่วนหน้า หมายเลข 1341 เพื่อประสานงานกับเจ้าหน้าที่ผู้เกี่ยวข้องในการเข้าตรวจสอบต่อไป
#ศูนย์ประชาสัมพันธ์
#กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค4ส่วนหน้า
ข้อมูล : ศูนย์ประชาสัมพันธ์ กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 ส่วนหน้า – เพจใหม่ /issoc4news /southpeace