วันที่ 3 ก.ย.63 เวลา 10.30 น.ณ ห้องศูนย์ TIC ชั้น 4 อาคาร 1 สตม.(สวนพลู) สาธร กทม.: พล.ต.ท.สมพงษ์ ชิงดวง ผบช.สตม. พร้อมด้วย พล.ต.ต.พรชัย ขันตี รอง ผบช.สตม., พล.ต.ต.ณฐพล แสวงกิจ รอง ผบช.สตม, พล.ต.ต.พรชัย ขจรกลิ่น ผบก.สส.สตม., พ.ต.อ. สถิตย์ พรมอุทัย รอง ผบก.สส.สตม., พ.ต.อ.ชาติชาย ตันติวุฒิวร ผกก.1 บก.สส.สตม. ร่วมแถลงข่าวผลการจับกุมแรงงานต่างด้าวลักลอบเข้า-ออก ประเทศไทยบริเวณพื้นที่ชายแดน โดยมีรายละเอียดดังนี้
พล.ต.ต.พรชัย ขจรกลิ่น ผบก.สส.สตม. สั่งการให้ กก.1 บก.สส.สตม. สืบสวนจับกุมกรณีได้รับแจ้งจากสายข่าวว่ายังมีแรงงานต่างด้าวสัญชาติเมียนมาลักลอบเดินทางเข้ามาในประเทศ ไทยตามแนวตะเข็บชายแดนทางช่องทางธรรมชาติในพื้นที่ จ.ตาก และมีแรงงานต่างด้าวสัญชาติกัมพูชาลักลอบเดินทางเข้ามาในประเทศไทยตามแนวตะเข็บชายแดนทางช่องทางธรรมชาติในพื้นที่ จว.สระแก้ว กก.1 บก.สส.สตม. จึงจัดกำลังออกไปสืบสวนจับกุมร่วมกับ ตม.จังหวัด,เจ้าหน้าที่ตำรวจ,เจ้าหน้าที่ทหาร และฝ่ายปกครองในพื้นที่ โดยในห้วงระหว่างเดือน กรกฎาคม – สิงหาคม 2563 มีผลการจับกุมรวมจำนวน 91 คน ดังนี้
รายที่ 1 จับแรงงานเมียนมาหลบหนีเข้าเมืองโดยมีคนไทยช่วยซ่อนเร้นช่วยเหลือ
กก.1 บก.สส.สตม. ร่วมกับ ตม.จ.ตาก,กก.สส.บก.ตม.5, สภ.แม่ระมาด และ ร้อย ตชด.345 จับกุม นายจ่อโพ อายุ 37 ปี สัญชาติเมียนมา พร้อมกับพวกรวม จำนวน 11 คน พร้อมด้วยของกลาง รถยนต์กระบะยี่ห้อโตโยต้า รุ่น HILUX REVO สีบรอนซ์เงิน ไม่ติดแผ่นป้ายทะเบียน, ผ้าแสลนพลาสติก 1 ฝืน, และใบอนุญาตขับขี่รถยนต์ส่วนบุคคลและสำเนาบัตรประจำตัวของนายปิยะ โดยกล่าวหาว่า เป็นคนต่างด้าวเดินทางเข้ามาและอยู่ในราชอาณา จักรโดยไม่ได้รับอนุญาต, ฝ่าฝืนประกาศคณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัดตาก ฉบับที่ 1/2563 ลงวันที่ 19 มีนาคม 2563 ประกอบประกาศคณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัดตาก ฉบับที่ 3/2563 ลงวันที่ 21 มีนาคม 2563 นำตัวผู้ต้องหาพร้อมของกลางส่งพนักงานสอบสวน สภ. แม่ระมาด จ.ตาก ดำเนินคดีตามกฎหมาย และร้องทุกข์กล่าวโทษนายปิยะกับพวกในข้อหา ร่วมกันซ่อนเร้นหรือช่วยด้วยประการใดๆ ให้คนต่างด้าวหลบหนีเข้าเมืองโดยผิดกฎหมาย พ้นจากการจับกุม สถานที่จับกุม ในหมู่บ้านขะเนจื้อ หมู่ 7 ต.แม่ระมาด อ.แม่ระมาด จ.ตาก
หลังจากได้รับแจ้งจากสายลับว่าจะมีขบวนการลักลอบขนแรงงานต่างด้าวหลบหนีเข้าเมืองเพื่อเข้าพื้นที่ในเมืองชั้นในโดยผ่าน อ.แม่ระมาด จ.ตาก ชุดจับกุมจึงร่วมกันวางแผนสืบสวนจับกุมและได้ตรวจพบรถยนต์กระบะ มีแสลนพลาสติคสีดำคลุมปิดทับกระบะหลัง เมื่อเจ้าหน้าที่ชุดจับกุมแสดงตัวเพื่อขอตรวจสอบ คนขับได้ขับรถหลบหนีเข้าไปในหมู่บ้านจนถึงทางตัน และคนขับพร้อมคนที่นั่งหน้ามาด้วยกันได้วิ่งหลบหนีไป จากการเปิดแสลนพลาสติคคลุมกระบะท้าย พบแรงงานต่างด้าวสัญชาติเมียนมา จำนวน 11 คน
จากการตรวจสอบเอกสารการเดินทางนายจ่อโพ ไม่มีเอกสารใดๆ ส่วนผู้ต้องหารายอื่นมีหนังสือเดินทางและมีวีซ่า แต่ได้เดินทางกลับไปยังประเทศเมียนมาไปก่อนหน้านี้แล้ว และต้องการกลับเข้ามาทำงานในประเทศไทย แต่ด่านตรวจคนเข้าเมืองยังปิดในช่วงสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโคโรนา 19 (โควิด-19) จึงติดต่อนายหน้าให้ช่วยเหลือ โดยจะเสียค่าใช้จ่าย คนละ 6,000 บาท เมื่อเดินทางถึงที่หมายแล้ว เจ้าหน้าที่ชุดจับกุมได้ตรวจสอบภายในรถพบใบอนุญาตขับขี่รถยนต์ส่วนบุคคลและสำเนาบัตรประจำตัวของนายปิยะ จึงได้จับกุมแรงงานต่างด้าวและร้องทุกข์กล่าวโทษกับนายปิยะ พร้อมกับพวกดังกล่าว
รายที่ 2 จับแรงงานเมียนมาหลบหนีเข้าเมืองโดยมีคนเมียนมาช่วยซ่อนเร้นช่วยเหลือ กก.1 บก.สส.สตม. ร่วมกับ ตม.จ.ตาก, กก.สส.ภ.จ.ตาก,สภ.พบพระ และ ผบ.ร้อย. ร. 422 จับกุมนายอะนิ อายุ 32 ปี สัญชาติเมียนมา พร้อมกับพวกรวม 21 คน โดยกล่าวหา นายอะนิ และนายตีมู ว่า ร่วมกันซ่อนเร้นหรือช่วยด้วยประการใดๆ ให้คนต่างด้าวหลบหนีเข้าเมืองโดยผิดกฎหมายพ้นจากการจับกุม เป็นคนต่างด้าวเดินทางเข้ามาและอยู่ในราชอาณา จักรโดยไม่ได้รับอนุญาต กล่าวหาผู้ต้องหารายอื่นอีก 19 คน ว่า เป็นคนต่างด้าวเดินทางเข้ามา ในราชอาณาจักรโดยไม่ได้รับอนุญาต นำตัวส่งพนักงานสอบสวน สภ.พบพระ จ.ตาก ดำเนินคดีตามกฎหมาย สถานที่จับกุม บนถนนสาธารณะท้ายหมู่บ้านห้วยไผ่ หมู่ 12 ต.คีรีราษฎร์ อ.พบพระ จ.ตาก
หลังจากได้รับแจ้งจากสายลับว่าจะมีขบวนการลักลอบขนแรงงานต่างด้าวหลบหนีเข้าเมืองเพื่อเข้าพื้นที่ในเมืองชั้นในโดยผ่าน อ.พบพระ จ.ตาก ชุดจับกุมจึงร่วมกันวางแผนสืบสวนจับกุมและได้พบกลุ่มผู้ต้องหาเดินเท้าต่อแถวกันมาโดยมีนายอะนิ และนายตีมู เป็นคนนำ ทาง จากการขอตรวจสอบเอกสารเดินทางทุกคน ไม่มีเอกสารใดๆ แสดง และรับว่าอยู่ที่บ้านเกิดไม่มีงานทำเนื่องจากเกิดการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโคโรนา 19
ต่อมามีนายหน้าไปชักชวนเข้ามาหางานทำในประเทศไทยโดยนายหน้าได้พานั่งเรือข้ามมา ยังฝั่งไทยแต่ไม่ทราบว่าจุดใดเนื่องจากเป็นเวลากลางคืน แล้วได้พาขึ้นรถกระบะไม่ทราบสี ยี่ห้อ นั่งมาคันเดียวกันทั้งหมด แล้วปล่อยลงข้างทาง โดยมีนายอะนิ และนายตีมู คอยรอรับแล้วพาเดินเท้านำทางไปไม่นานก็ถูกเจ้าหน้าที่จับกุม ในการเดินทางครั้งนี้ทุกคนเสียค่าหัวให้กับนายหน้าฝั่งประเทศเมียนมาชื่อนางมะไข่ คนละ 2,000 บาท แล้ว เจ้าหน้าที่จึงจับกุมผู้ต้องหา ทั้ง 21 คน ดำเนินคดีในข้อหาดังกล่าว
รายที่ 3 จับแรงงานกัมพูชาฝ่าฝืนข้อกำหนดออกตามความในมาตรา 9 แห่ง พ.ร.ก.การบริหารราชการ ในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ.2548 (ฉบับที่ 1) ข้อ 5 และหลบหนีเข้าเมือง กก.1 บก.สส.สตม. ร่วมกับ ตม.จ.สระแก้ว, กก.สส.ภ.จ.สระแก้ว, สภ.โคกสูง, ส.ทท.3 กก.2 บก.ทท.1, ร้อย ฉก.ตชด.4, เจ้าหน้าที่ทหารพราน ฉก.ตาพระยา และเจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครอง อ.โคกสูง จ.สระแก้ว จับกุมนางลูด อายุ 32 ปี สัญชาติกัมพูชา พร้อมกับพวกรวม 25 คน โดยกล่าวหานางลูด พร้อมกับพวกรวม 16 คน ว่า มั่วสุมในลักษณะที่เสี่ยงต่อการแพร่เชื้อโรคตามข้อกำหนดในมาตรา 9 แห่ง พ.ร.ก.การบริหารราชการ ในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ.2548 (ฉบับที่ 1) ข้อ 5 และกล่าวหาผู้ต้องหารายอื่นอีก 9 คน ว่าเป็นคนต่างด้าวเดินทางเข้ามาในราชอาณาจักรโดยไม่ได้รับอนุญาต และมั่วสุมในลักษณะที่เสี่ยงต่อการแพร่เชื้อโรคตามข้อกำหนดในมาตรา 9 แห่ง พ.ร.ก.การบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ.2548 (ฉบับที่ 1) ข้อ 5 นำตัวส่งพนักงานสอบสวน สภ.โคกสูง จ.สระแก้ว ดำเนินคดีตามกฎหมาย สถานที่จับกุม บ้านหาดสำราญ หมู่ 5 ต.โคกสูง อ.โคกสูง จ.สระแก้ว
เจ้าหน้าที่ชุดจับกุมได้ออกสืบสวนจับกุมขบวนการช่วยเหลือนำพาคนต่างด้าวที่ลักลอบหลบหนีเข้ามาและอยู่ในราชอาณาจักรไทยโดยไม่ได้รับอนุญาต เมื่อมาถึงบริเวณบ้านหาดสำราญ หมู่ 5 ต.โคกสูง อ.โคกสูง จ.สระแก้ว ได้พบผู้ต้องหาทั้ง 25 คน จึงแสดงตนเป็นเจ้าหน้าที่ขอตรวจสอบเอกสารเดินทาง นางลูด พร้อมกับพวกรวม 16 คน มีหนังสือเดินทางและได้รับการตรวจประทับตราอนุญาตให้เดินทางเข้ามาในประเทศไทยถูกต้อง ส่วนผู้ต้องหาอีก 9 คน ไม่พบเอกสารใด ๆ โดยขณะตรวจพบผู้ต้องหาทั้ง 25 คน มีการมั่วสุมกันโดยไม่สวมหน้ากากอนามัย จากการสอบถามผู้ต้องหาทั้ง 25 คน ให้การว่าได้เข้ามาทำงานในประเทศไทยและต้องการจะเดินทางกลับไปประเทศกัมพูชา แต่ทางการไทยไม่เปิดด่านตรวจคนเข้าเมืองให้เดินทางออก จึงจะหลบหนีกลับประเทศกัมพูชาโดยเสียค่าจ้างให้กับนายหน้าคนละ 2,500 บาท แต่ถูกเจ้าหน้าที่จับกุมได้เสียก่อน
รายที่ 4 จับแรงงานกัมพูชาฝ่าฝืน พ.ร.บ.คนเข้าเมือง พ.ศ.2522 และข้อกำหนดออกตามความในมาตรา 9 แห่ง พ.ร.ก.การบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ. 2548 (ฉบับที่ 1) ข้อ 5 กก.1 บก.สส.สตม. ร่วมกับ ตม.จ.สระแก้ว, กก.สส.ภ.จว.สระแก้ว, สภ.โคกสูง, ส.ทท.3 กก.2 บก.ทท.1, ร้อย ฉก.ตชด.4, เจ้าหน้าที่ทหารพราน ฉก.ตาพระยา และเจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครอง อ.โคกสูง จ.สระแก้ว ร่วมจับกุมนางไม อายุ 32 ปี สัญชาติกัมพูชา พร้อมกับพวกรวม 25 คน โดยกล่าวหานางไม พร้อมกับพวกรวม 16 คน ว่าเป็นคนต่างด้าว เข้ามาหรือออกไปนอกราชอาณาจักรโดยไม่เข้าออกตามช่องทางด่านตรวจคนเข้าเมือง เขตท่า สถานี หรือท้องที่ โดยฝ่าฝืนต่อกฎหมายและไม่ยื่นรายการตามแบบที่กำหนดในกฎกระทรวง และไม่ผ่านการตรวจอนุญาตของพนักงานเจ้าหน้าที่ของด่านตรวจคนเข้าเมืองประจำเส้นทางนั้น และกล่าวหาผู้ต้องหารายอื่นอีก 9 คน ว่า เป็นคนต่างด้าวหลบหนีเข้ามาและอยู่ในราชอาณาจักรโดยไม่ได้รับอนุญาต และมั่วสุมในลักษณะที่เสี่ยงต่อการแพร่เชื้อโรคตามข้อกำหนดในมาตรา 9 แห่ง พ.ร.ก.การบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ.2548 (ฉบับที่ 1) ข้อ 5 นำตัวส่งพนักงานสอบสวน สภ.โคกสูง จ.สระแก้ว ดำเนินคดีตามกฎหมาย โดยจับกุมที่ บ้านหาดสำราญ หมู่ 5 ต.โคกสูง อ.โคกสูง จ.สระแก้ว
เจ้าหน้าที่ชุดจับกุมได้ออกสืบสวนจับกุมขบวนการช่วยเหลือนำพาคนต่างด้าวที่ลักลอบหลบหนีเข้ามาและอยู่ในราชอาณาจักรไทยโดยไม่ได้รับอนุญาต เมื่อมาถึงบริเวณบ้านหาดสำราญ หมู่ 5 ต.โคกสูง อ.โคกสูง จ.สระแก้ว ได้พบผู้ต้องหาทั้ง 25 คน จึงแสดงตนเป็นเจ้าหน้าที่ขอตรวจสอบเอกสารเดินทาง นางไม พร้อมกับพวกรวม 16 คน แสดงหนังสือเดินทางซึ่งได้รับการตรวจประทับตราอนุญาตให้เดินทางออกจากประเทศไทย และผ่านการตรวจลงตราประทับให้เดินทางเข้าประเทศมาเลเซีย โดยยังไม่ผ่านการตรวจประทับตราอนุญาตจากพนัก งานเจ้าหน้าที่ให้เดินทางกลับเข้ามาในประเทศไทย ส่วนผู้ต้องหาอีก 9 คน ไม่พบเอกสารใดๆ โดยขณะตรวจพบผู้ต้องหาทั้ง 25 คน มีการมั่วสุมกันโดยไม่สวมหน้ากากอนามัย จากการสอบถามผู้ต้องหาทั้ง 25 คน ให้การว่าได้เดินทางไปทำงานที่ประเทศมาเลเซีย และได้หลบหนีเข้ามาในประเทศไทยเพื่อเป็นทางผ่านกลับไปยังประทศกัมพูชา โดยเสียค่าจ้างให้กับนายหน้าเพื่อให้การช่วยเหลือในการเดินทางกลับคนละ 2,500 บาท จนมาถึงที่เกิดเหตุและถูกเจ้าหน้าที่จับกุมดังกล่าว
รายที่ 5 จับแรงงานกัมพูชาหลบหนีเข้าเมือง กก.1 บก.สส.สตม. ร่วมกับ ตม.จว.สระแก้ว, กก.สส.ภ.จ.สระแก้ว, สภ.โคกสูง, ส.ทท.3 กก.2 บก.ทท.1, ร้อย ฉก.ตชด.4, เจ้าหน้าที่ทหารพราน ฉก.ตาพระยา, เจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครอง
อ.โคกสูง จว.สระแก้ว จับกุมนายทิน อายุ 38 ปี สัญชาติกัมพูชา พร้อมกับพวกรวม 9 คน โดยกล่าวหาว่า เป็นคนต่างด้าว เดินทางเข้ามาและอยู่ในราชอาณาจักรโดยไม่ได้รับอนุญาต นำตัวส่งพนักงานสอบสวน สภ.โคกสูง จว.สระแก้ว ดำเนินคดีตามกฎหมาย สถานที่จับกุม บริเวณสี่แยกบ้านดอนหลุม หมู่ 6 ต.โคกสูง อ.โคกสูง จ.สระแก้ว
เจ้าหน้าที่ชุดจับกุมได้รับแจ้งจากแหล่งข่าวว่าจะมีชาวกัมพูชาลักลอบเข้ามาในประเทศไทย จึงได้ร่วมกันวางแผนสืบสวนจับกุมและพบผู้ต้องหาทั้ง 9 คน เดินเท้าผ่านบริเวณสี่แยกบ้านดอนหลุม หมู่ 6 ต.โคกสูง อ.โคกสูง จ.สระแก้ว จึงแสดงตัวเป็นเจ้าหน้าที่ขอตรวจหนังสือ เดินทางหรือเอกสารที่ใช้แสดงหนังสือเดินทาง ปรากฏว่าผู้ต้องหาทั้ง 9 คน ไม่มีเอกสารแสดง จึงได้แจ้งข้อกล่าวหาและจับกุม นำตัวส่งพนักงานสอบสวน สภ.โคกสูง จ.สระแก้ว ดำเนินคดีดังกล่าว
พล.ต.ท.สมพงษ์ฯ ขอฝากประชาสัมพันธ์ให้ทราบว่า สตม. มีมาตรการในการตรวจสอบ กวด ขัน และปราบปรามการกระทำความผิดตาม พ.ร.บ.คนเข้าเมืองฯ และการกระทำความผิดในกฎหมายอื่น การประสานความร่วมมือกับหน่วยงาน ที่เกี่ยวข้อง และประเทศเพื่อนบ้าน ให้บริการช่วยเหลือประชาชนที่ได้รับความเดือดร้อน รวมทั้งดำเนินการตรวจสอบชาวต่างชาติที่มีพฤติกรรมไม่เหมาะสมอย่างต่อเนื่อง หากพบการกระทำผิดกฏหมายการก่อเหตุอันกระทบต่อความสงบสุข และความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของประชาชน อันอาจทำให้เถิดความเสียหายต่อภาพลักษณ์ของประเทศชาติ กรุณาแจ้งเบาะแสการกระทำความผิดมายัง สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง เลขที่ 507 ซ.สวนพลู แขวงทุ่งมหาเมฆ เขตสาทร กรุงเทพฯ 10120 หรือหมายเลขโทรศัพท์ 1178 หรือที่ www.immigration.go.th จักขอบพระคุณเป็นอย่างสูง
สุรเชษฐ ศิลานนท์ รายงาน