เมื่อเวลา 09.00 น. วันที่ 5 กันยายน 2563 ที่ห้องประชุมนครบาล โรงแรมโฆษิตฮิลล์ อำเภอเมือง จังหวัดเพชรบูรณ์ เครือข่ายครูเพื่อโรงเรียนปลอดบุหรี่ มูลนิธิรณรงค์เพื่อการไม่สูบบุหรี่ โดยการสนับสนุน ของสำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) ได้จัดงาน Smoke-free School Innovation 2020 ในเขตภาคเหนือ เพื่อมอบรางวัลนวัตกรรมโรงเรียนปลอดบุหรี่ที่ดำเนินงานนวัตกรรมดีเด่นในการควบคุมยาสูบ
โดย ศ.นพ.ประกิต วาทีสาธกกิจ ประธานมูลนิธิรณรงค์เพื่อการไม่สูบบุหรี่ กล่าวว่า ในแต่ละปี ประเทศไทยมีนักสูบหน้าใหม่เกิดขึ้น 2 แสนคน โดยอายุเฉลี่ยของการติดบุหรี่อยู่ที่ 17 ปีเศษ ซึ่งนักสูบหน้าใหม่เหล่านี้ 70% จะเลิกสูบไม่ได้ไปตลอดชีวิต และนอกจากเสพติดแล้ว ครึ่งหนึ่งของเด็กที่เลิกสูบบุหรี่ไม่ได้ จะป่วยและเสียชีวิตก่อนเวลาด้วยโรคต่าง ๆ ที่เกิดจากการสูบบุหรี่ ทุกฝ่ายในสังคมไทยจึงต้องร่วมกันรับผิดชอบในการป้องกันเด็กไทยจากการเสพติดบุหรี่
และในโอกาสนี้ได้เปิดเผยข้อมูลสำรวจของหน่วยปฏิบัติการวิจัยและวิชาการด้านการควบคุมยาสูบภาคเหนือ คณะสาธารณสุขศาสตร์ มหาวิทยาลัยนเรศวร จังหวัดพิษณุโลก โดย ผศ.ดร.จักรพันธ์ เพชรภูมิ หัวหน้าโครงการวิจัย สรุปผลสำรวจการเข้าถึงยาสูบของนักเรียนชั้น ม.2 จำนวน 3,982 คนทั่วประเทศ จาก 4 ภาค ภาคละ 1 อำเภอ ผลคือนักเรียนส่วนใหญ่แม้จะมีทัศนคติไม่ดีต่อการสูบบุหรี่ แต่มีความรู้เรื่องสารพิษในบุหรี่ในระดับต่ำ และรับรู้ความเสี่ยงของการเป็นโรคที่เกิดจากการสูบบุหรี่ในระดับปานกลาง ขณะที่การเข้าถึงยาสูบยังง่ายมาก โดย 63.75% ซื้อผลิตภัณฑ์ยาสูบจากร้านสะดวกซื้อ หรือร้านขายของชำ โดยที่ 37.26% ไม่เคยถูกปฏิเสธจากร้านค้า 60.13% ซื้อแบบแบ่งขายเป็นมวน มีค่าใช้จ่ายในการซื้อยาสูบ เดือนละ 93 บาท 30.63% ขอจากเพื่อน หรือขอซื้อต่อจากเพื่อน ทั้งนี้ยังพบว่า 41.06% สูบในบ้านหรือบ้านเพื่อน 46.35% มีความคิดที่จะเลิกแต่ไม่เคยลงมือเลิก “ข้อมูลเหล่านี้แสดงถึงความสำคัยของภาคส่วนต่าง ๆ ทั้งครอบครัว โรงเรียน และชุมชน ต้องมีส่วนร่วมกันอย่างแข็งขันมากขึ้น ในการป้องกันเด็ก ๆ จากการเสพติดบุหรี่” ศ.นพ.ประกิต กล่าว
ด้าน นางสุวิมล จันทร์เปรมปรุง คณะกรรมการบริหารเครือข่ายครูเพื่อโรงเรียนปลอดบุหรี่ กล่าวว่า เครือข่ายครูเพื่อโรงเรียนปลอดบุหรี่ ได้ขับเคลื่อนโครงการพัฒนานวัตกรรมโรงเรียนปลอดบุหรี่ โดยมีจุดมุ่งหมายในการพัฒนาและยกระดับนวัตกรรมการดำเนินงานโรงเรียนปลอดบุหรี่อย่างเป็นรูปธรรม กับกลุ่มเป้าหมายเครือข่ายโรงเรียนปลอดบุหรี่ที่เครือข่ายครูเพื่อโรงเรียนปลอดบุหรี่ได้สร้างไว้ โดยเป็นการพัฒนาให้เกิด “นวัตกรรมการดำเนินงานโรงเรียนปลอดบุหรี่” จากการใช้ 7 มาตรการเพื่อโรงเรียนปลอดบุหรี่ ที่มีมิติการดำเนินงานแต่ละมาตรการในเชิงลึก วัดผลสำเร็จเป็นรูปธรรมตามหลักวิชาการ
ทั้งนี้ในภาคเหนือมีโรงเรียนที่พัฒนานวัตกรรมทั้งหมด 29 แห่ง ซึ่งมี 11 แห่งที่ได้รับโล่นวัตกรรมโรงเรียนปลอดบุหรี่ ระดับดีเด่น เช่น
- โรงเรียนวังโป่งศึกษา จ.เพชรบูรณ์ นวัตกรรมเครือข่ายดาวกระจายไร้ควัน โดยทำให้เกิดเครือข่ายการขับเคลื่อนงานการรณรงค์สู่ชุมชน ซึ่งมีนักเรียนแกนนำเป็นกำลังสำคัญในการขับเคลื่อนและภาคีเครือข่ายในอำเภอร่วมขบวน และประกาศนโยบายอำเภอวังโป่งปลอดบุหรี่โดยท่านนายอำเภอด้วย
- โรงเรียนบ้านในสอย จ.แม่ฮ่องสอน นวัตกรรมสร้างบ้านปลอดบุหรี่ เสริมสร้างทักษะชีวิต (การปฏิเสธ/การแก้ปัญหา/สร้างภูมิคุ้มกัน) ด้วยกิจกรรม “Happy at Home” ส่งเสริมให้เด็กทำกิจกรรม ดนตรี-กีฬา-ศิลปะ-สิ่งแวดล้อม-วัฒนธรรมพื้นบ้าน และสื่อสารพิษภัยบุหรี่ไปยังผู้ปกครอง
- โรงเรียนเทศบาลวัดเชียงยืน จ.เชียงใหม่ นวัตกรรม Walk Rally 8 กลุ่มสาระการเรียนรู้ สู่สถานศึกษาปลอดบุหรี่ โดยให้เด็กนักเรียนเรียนรู้เรื่องบุหรี่ผ่านการเล่นเกม เช่น ปริศนาคำทายโรคร้ายจากควันบุหรี่ การทดลองสารทาร์ในควันบุหรี่ ปีศาจร้ายในควันบุหรี่
- โรงเรียนเวียงเชียงรุ้งวิทยาคม จ.เชียงราย นวัตกรรมการดูแลช่วยเหลือนักเรียนกลุ่มสูบบุหรี่โดยใช้ระบบดูแลช่วยเหลือนักเรียน มีกระบวนการให้เด็กกลุ่มเสี่ยงที่ได้จากการคัดกรอง ดูแลรับผิดชอบกิจกรรมสร้างสรรค์เพื่อกระตุ้นให้เด็กเห็นคุณค่าในตัวเองและฝึกทักษะอาชีพในอนาคต เช่น การเลี้ยงกบ เลี้ยงหมูป่า ฯลฯ
มนสิชา -ชัยกฤต คล้ายแก้ว