นครพนม – ภารโรงแทบช็อก! พบสาวผูกคอตายคาขื่อห้องน้ำ สามีเผยทะเลาะก่อนหายตัวข้ามคืน!
เมื่อเวลา 09. 30 น. วันที่ 18 ก.ย. พ.ต.ท.วรเชษฐ์ แสวง สารวัตร (สอบสวน) สภ.เมืองนครพนม รับแจ้งเหตุมีคนผู้คอเสียชีวิต ภายในห้องน้ำโรงเรียนประถมชื่อดังแห่งหนึ่ง อ.เมือง จ.นครพนม จึงไปพร้อมแพทย์เวร รพ. นคร พนม เจ้าหน้าที่กู้ภัยลำโขงเฟรนด์ชิฟ และกู้ภัยศรีสัตตนครพนม ที่เกิดเหตุอยู่ด้านข้างโรงเรียนทางทิศเหนือ ห้องน้ำห้องแรกในจำนวน 4 ห้อง พบศพนางอลิศรา บุญลอย วัย 32 ปี ชาว อ.วังสะพุง จ.เลย ใช้เชือกไนล่อนสีแดง ความยาวกว่า 2 เมตร ผูกคอกับขื่อไม้หน้าสามช่องระบายอากาศด้านบนห้องน้ำ
ตรวจสอบสภาพศพลำคอเขียวซ้ำ ลิ้นจุกปาก พบอุจจาระผู้ตายทะลุกระโปรงสีน้ำเงินเรี่ยราดภายในห้องน้ำ ส่งกลิ่นเหม็นชวนอาเจียน ที่เกิดเหตุยังพบรองเท้าแตะสีเขียว 1 คู่ ถอดไว้ใกล้กับอ่างน้ำ แพทย์ลงความเห็นเสียชีวิตจากการขาดอากาศหายใจมานานกว่า 5-6 ชั่วโมง
สอบสวนนายชูเกียรติ ช้างดี อายุ 45 ปี สามีผู้ตายให้การว่า ตนอยู่กินกับภรรยามาได้ 2 ปี โดยภรรยามีลุกติด 1 คน ก่อนเกิดเหตุตนกับนางอลิศรา ภรรยา ได้นำเครื่องเล่นสวนสนุกชื่อแดงเนรมิตหลายชนิด มาประกอบติดตั้งภายในศาลากลาง จ.นครพนม ช่วงงานประเพณีไหลเรือไฟ 10 วัน 10 คืน
นายชูเกียรติ กล่าวต่อว่า ก่อนเกิดเหตุช่วงบ่ายวันที่ 17 ก.ย. ขณะให้ลูกน้องติดตั้งเครื่องเล่น ตนมีเรื่องทะเลาะเบาะแว้งกับภรรยาเรื่องหนี้สิน อีกทั้งภรรยาเป็นโรคซึมเศร้า กินยาคลายเครียดมานานหลายปี ช่วงบ่าย 2 โมงภรรยาขับรถ จยย.ยามาฮ่ารุ่นฟีโน่ สีขาวแดง ทะเบียน สขบ 46 กรุงเทพฯ ออกไปไม่บอกกล่าว อาจจะน้อยใจและคิดมาก
ต่อมาตนจึงให้ลูกน้องออกตามหา พบแต่รถ จยย.คันดังกล่าวจอดอยู่หน้าโรงเรียนดังกล่าว ประตูหน้าโรงเรียนล็อกกุญแจ แต่ไม่พบตัวภรรยา ไม่คาดคิดว่าจะปีนรั้วโรงเรียนไปผูกคอตาย กระทั่งช่วงเช้าวันที่ 18 ก.ย. เจ้าหน้าที่แจ้งว่าพบศพภรรยาเสียชีวิตแล้ว ไม่คิดว่าแค่ทะเลาะเล็กน้อยไม่เคยตบตีอะไร จะคว้าเชือกไนล่อนผูกเครื่องเล่น ไปผูกคอตายในห้องน้ำโรงเรียน
ด้านนักการภารโรงเรียนประถม กล่าวว่า ช่วงเวลา 08.00 น. ขณะตนจะเข้าทำความสะอาดห้องน้ำ 4 ห้อง พบห้องน้ำห้องแรกปิดล็อกจากด้านใน จึงตะโกนเรียกนานไม่มีเสียงตอบรับจึงใช้บันไดปีนดู พบศพสาวใช้เชือกสีแดงผูกคอตายคาขื่อ จึงรีบแจ้งผู้อำนวยการโรงเรียน และแจ้งให้เจ้าหน้าที่ตำรวจมาตรวจสอบ
หลังเจ้าหน้าที่ชันสูตรพลิกศพเสร็จ ญาติไม่ติดใจสาเหตุการตาย จึงมอบศพให้ไปบำเพ็ญกุศลตามประเพณีต่อไป
เทพพนม รายงาน