“สนธิญา” ที่ปรึกษา กมธ.กฎหมายการยุติธรรมและสิทธิมนุษยชน แจ้งความเอาผิดเจ้าของเฟซบุ๊กที่โพสต์หมิ่นสถาบัน และเฟซบุ๊กประเทศไทยผู้ให้บริการ
วันที่ 25 ก.ย.63 เวลา 11.00 น.ที่ บก.ปอท. : นายสนธิญา สวัสดี ที่ปรึกษาประธานคณะกรรมาธิการกฎหมายการยุติธรรมและสิทธิมนุษยชน (มีผล 1 ต.ค.63) เดินทางเข้ายื่นหลักฐานต่อ พล.ต.ต.ไพบูลย์ หุ่นน้อย ผบก.ปอท.ให้ดำเนินคดีกับเจ้าของบัญชีเฟซบุ๊กรายหนึ่งที่โพสต์และแชร์ข้อมูลในลักษณะหมิ่นเบื้องสูง โดยมีเจ้าหน้าที่ตำรวจประจำสำนักงานฯ เป็นผู้รับเรื่องไว้ตรวจสอบดำเนินการต่อไป
นายสนธิญาฯ เปิดเผยว่า วันนี้ตนมา บก.ปอท.เพื่อยืนหลักฐานให้ตรวจสอบดำเนินคดีกับเจ้าของเฟซบุ๊กรายหนึ่งที่โพสต์เกี่ยวกับสถาบันพระมหากษัตริย์จากการชุมนุมของประชาชนปลดแอกระหว่างวันที่ 19-20 ก.ย.63 ที่ผ่านมา มีการกระทำผิด พ.ร.บ.คอมพ์ฯ มาตรา 14(2)(3) รวมทั้งจะแจ้งความผู้ให้บริการเฟซบุ๊กที่เข้าข่ายความผิด พ.ร.บ.คอมพ์ฯ มาตรา 15 คือให้ผู้ใช้บริการโพสต์ข้อความอันทำให้เกิดความสับสน วุ่นวายเกิดขึ้นในประเทศ และข้อความบางโพสต์เป็นข้อความอันเป็นเท็จ ต้องการให้ บก.ปอท.ดำเนินการตรวจสอบการกระทำดังกล่าวตาม พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์
นายสนธิญาฯ กล่าวต่อว่า เริ่มต้นจากเขามาบลูลี่ในเฟซบุ๊กตนก่อน จึงตามไปดูพบว่าเป็นบุคคลมีตัวตนจริง มีการนำข้อความที่ผู้ชุมนุมปราศรัย 19-20 ก.ย.63 ที่ขยายความต่อจากการชุมนุมเมื่อ 10 ส.ค.63 เจ้าของบัญชีเฟซบุ๊กรายนี้ได้นำเอามาโพสต์ไว้ทั้งหมด ก่อนตนจะมาแจ้งความ ปอท.ก็ได้แจ้งเตือนให้ลบ แต่เขาไม่ทำตามที่แนะนำ การกระทำดังกล่าวเผยแพร่สู่สาธารณะ อันเป็นการกระทำความผิด พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์
นอกจากนี้ตนยังได้มาร้องทุกข์กล่าวโทษเอาผิดแก่แพลตฟอร์มเฟซบุ๊ก ประเทศไทย ที่เปิดให้ลูกค้าของเฟซบุ๊กรายนี้ใช้บริการโพสต์ในลักษณะหมิ่นสถาบัน และมิได้ยับยั้งหรือตรวจสอบการกระทำของลูกค้ารายนี้ที่โพสต์เฟซบุ๊กส่วนตัวแล้วทำให้เกิดความเสียหายเป็นความผิด พ.ร.บ.คอมพ์ฯ ม.14(2)(3) ซึ่งผู้ให้บริการคือเฟซบุ๊กก็ต้องมีความผิดตามมาตรา 15 ด้วย จะมาอ้างว่าการให้บริการเป็นสิทธิและเสรีภาพก็จริงแต่จะไปละเมิดสิทธิเสรีภาพและมากระทำผิดกฎหมายของประเทศไทย ผู้ให้บริการทุกราย ทั้งเฟซบุ๊ก ยูทูป อินสตาแกรม ทวิตเตอร์ ต้องพิจารณาและรับผิดชอบในประเด็นที่เกิดความเสียหายในฐานะผู้ให้บริการ
ส่วนทางพนักงานสอบสวนจะนำคดีที่ตนแจ้งวันนี้ไปรวมกับที่นายพุทธิพงศ์ฯ รมว.ดีอีเอส มาแจ้งเมื่อวานก็ได้ วันนี้ตนมาทำหน้าที่ประชาชนคนไทยในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นพระประมุข และเป็นไปตามบทบัญญัติรัฐธรรมนูญ มีหน้าที่ธำรงค์รักษาไว้ซึ่งชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ เป็นหน้าที่ที่คนไทยทุกคนต้องดูแลสิ่งเหล่านี้
ส่วนกรณีที่แจ้งความ สน.ชนะสงคราม ให้ดำเนินคดีกับ ทราย เจริญปุระ นั้น นายสนธิญาฯ กล่าวว่า ตัวคุณทรายเองเข้าข่ายเป็นผู้ให้การช่วยเหลือและสนับสนุนการกระทำผิด ตัวคุณทรายทราบล่วงหน้าในการขุมนุม 19-20 ก.ย.63 นั้นจะมีการขยาย 10 ข้อเรียกร้องเกี่ยวกับเรื่องสถาบันพระมหากษัตริย์ ตัวทรายเองยังไปเปิดให้บริการสารพัด แม้จะไม่ได้รับการบริจาคเองก็จริงแต่ก็ให้หมายเลขบัญชีธนาคารไทยพาณิชย์ และกสิกรไทย ไปทาง บก.ลายจุด และอีกหลายคน ตนต้องการให้เจ้าหน้าที่ตำรวจ สน.ชนะสงครามได้ทำการตรวจสอบว่าเข้าข่ายช่วยเหลือการกระทำผิดหรือไม่ เพราะการชุมนุมดังกล่าวผิดกฎหมาย ดังนั้นผู้ช่วยเหลือก็ต้องผิดด้วย
สุรเชษฐ ศิลานนท์ รายงาน