DSI ส่งสำนวนการสอบสวนดำเนินคดี บริษัท ซี.พี.เค.อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด กับพวกยึดถือ ครอบครอง ก่อสร้าง หรือเผาป่า ในที่ดินของรัฐ ในพื้นที่จังหวัดเลย มูลค่าความเสียหายทางสิ่งแวดล้อม กว่า 149 ล้านบาท
เมื่อวันที่ 29 กันยายน 2563 กรมสอบสวนคดีพิเศษ ส่งสำนวนการสอบสวน พร้อมตัวผู้ต้องหา ให้กับพนักงานอัยการ สำนักงานคดีพิเศษ โดยเห็นควรสั่งฟ้องบริษัท ซี.พี.เค. อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด กับพวก ตามความผิดฐานก่อสร้าง แผ้วถาง ยึดถือหรือครอบครองป่าเพื่อตนเองหรือผู้อื่นโดยไม่ได้รับอนุญาต ซึ่งได้กระทําเป็นเนื้อที่เกินยี่สิบห้าไร่ ตามพระราชบัญญัติป่าไม้ พุทธศักราช 2484 มาตรา 54 ประกอบมาตรา 72 ตรี วรรคสอง และเป็นความผิดฐานเข้าไปยึดถือ ครอบครอง รวมตลอดถึงการก่อสร้างหรือเผาป่า ในที่ดินของรัฐ หรือทำสิ่งหนึ่งสิ่งใดอันเป็นอันตรายแก่ทรัพยากรในที่ดินโดยไม่มีสิทธิครอบครองหรือมิได้รับอนุญาตจากพนักงานเจ้าหน้าที่ ตามประมวลกฎหมายที่ดิน มาตรา 9 ประกอบมาตรา 108 ทวิ มูลค่าความเสียหายทางสิ่งแวดล้อม คิดเป็นจำนวนเงิน 149,193,768 บาท
คดีดังกล่าว สืบเนื่องมาจากเมื่อวันที่ 13 กุมภาพันธ์ 2561 พลตำรวจเอก ศรีวราห์ รังสิพรามณกุล รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ในขณะนั้น), นายอรรถพล เจริญชันษา รองอธิบดีกรมป่าไม้ พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่หลายหน่วยงาน ได้นำหมายค้นของศาลจังหวัดเลย เข้าตรวจค้นสวนเกษตรภูเรือวโนทยาน ท้องที่ตำบลร่องจิก อำเภอภูเรือ จังหวัดเลย พร้อมตรวจยึดพื้นที่ดังกล่าวรวมเนื้อที่ประมาณ 6,229 ไร่ มีบริษัท ซี.พี.เค.อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด เป็นผู้ครอบครอง โดยพื้นที่ดังกล่าวเคยมีการออกหนังสือรับรองการทำประโยชน์ (น.ส.3 ก.) มาก่อน จำนวน 147 แปลง รวมเนื้อที่ประมาณ 6,229 ไร่ โดยได้มอบหมายให้หัวหน้าหน่วยป้องกันและรักษาป่าที่ ลย.4 (ภูเรือ) เป็นผู้ร้องทุกข์กล่าวโทษต่อพนักงานสอบสวนสถานีตำรวจภูธรโคกงาม ตามคดีอาญาที่ 15/2561 ลงวันที่ 13 กุมภาพันธ์ 2561 เพื่อให้ดำเนินคดีกับบริษัท ซี.พี.เค.อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด ในความผิดตามพระราชบัญญัติป่าไม้ พุทธศักราช 2484
ซึ่งต่อมาอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษได้พิจารณาให้รับคดีดังกล่าวเป็นคดีพิเศษที่ 56/2561 เพื่อดำเนินการสอบสวนตามมาตรา 21 วรรคหนึ่ง (1) แห่งพระราชบัญญัติการสอบสวนคดีพิเศษ พ.ศ.2547 และที่แก้ไขเพิ่มเติม โดยพนักงานสอบสวนคดีพิเศษได้ขอรับสำนวนการสอบสวนจากพนักงานสอบสวนท้องที่ รวมถึงสำนวนการสอบสวนคดีที่เกี่ยวข้อง มาทำการสอบสวน
กรมสอบสวนคดีพิเศษ ได้ดำเนินการสอบสวนกรณีดังกล่าว โดยจากการสอบสวนพบว่า พื้นที่เกิดเหตุมีเนื้อที่รวมทั้งสิ้น 6,948-1-82 ไร่ มีลักษณะพื้นที่เป็นเนินเขา พื้นที่ลาดเอียงเชิงเขา ภูเขา ตรวจพบมีสิ่งปลูกสร้างในพื้นที่เป็นจำนวนมาก มีการทำเป็นสวนเกษตร ปลูกต้นมะคาเดเมีย ต้นยูคาลิปตัส และปลูกพืชผลเมืองหนาว เจ้าหน้าที่ป่าไม้ได้ประเมินมูลค่าความเสียหายทางสิ่งแวดล้อม คิดเป็นจำนวนเงิน 149,193,768 บาท ซึ่งจากการสอบสวนมีพยานหลักฐานเชื่อได้ว่า การกระทำของ บริษัทซี.พี.เค.อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด กับพวก เป็นความผิดฐานก่อสร้าง แผ้วถาง ยึดถือหรือครอบครองป่าเพื่อตนเองหรือผู้อื่นโดยไม่ได้รับอนุญาต ซึ่งได้กระทําเป็นเนื้อที่เกินยี่สิบห้าไร่ ตามพระราชบัญญัติป่าไม้ พุทธศักราช 2484 มาตรา 54 ประกอบมาตรา 72 ตรี วรรคสอง และเป็นความผิดฐานเข้าไปยึดถือ ครอบครอง รวมตลอดถึงการก่อสร้างหรือเผาป่า ในที่ดินของรัฐ หรือทำสิ่งหนึ่งสิ่งใดอันเป็นอันตรายแก่ทรัพยากรในที่ดินโดยไม่มีสิทธิครอบครองหรือมิได้รับอนุญาตจากพนักงานเจ้าหน้าที่ ตามประมวลกฎหมายที่ดิน มาตรา 9 ประกอบมาตรา 108 ทวิ
ล่าสุด เมื่อวันที่ 29 กันยายน 2563 อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษได้พิจารณาพยานหลักฐานทุกฝ่ายแล้ว เห็นว่ามีพยานหลักฐานพอฟ้อง จึงมีความเห็นควรสั่งฟ้องผู้ต้องหากับพวก ตามฐานความผิดดังกล่าว และได้ส่งสำนวนการสอบสวนพร้อมตัวผู้ต้องหาให้กับพนักงานอัยการ สำนักงานคดีพิเศษเพื่อดำเนินการตามกฎหมายต่อไป
สุรเชษฐ ศิลานนท์ รายงาน