เมื่อเวลา 11.00 น. วันที่ 17 ต.ค.63 ที่ห้างบิ๊กซี สาขารัตนาธิเบศร์ อ.เมืองนนทบุรี พล.ต.อ. สุชาติ ธีระสวัสดิ์ รอง ผบ.ตร., พล.ต.ท.อำพล บัวรับพร ผบช.ภ.1, พล.ต.ต.สุภธีร์ บุญครอง รอง ผบช.ภ.1, พ.ต.อ.โชติวัฒน์ เหลืองวิลัย รอง ผบก.จ.นนทบุรี, พ.ต.อ.ดิเรก ยศนันท์ ผกก.สส.ภ.จ.นนทบุรี, พ.ต.อ.ศานติ กรเกษม ผกก.กก.1 สส.ภ.1, พ.ต.ท.สมภพ เชาว์เพชรไพโรจน์ รอง ผกก.สส.ภ.จ.นนทบุรี, พ.ต.ท.ศุภชัย ศรีศักดิ์ สว.สส.สภ.รัตนาธิเบศร์ ร่วมกันแถลงข่าวจับกุมตัวนายสมเกียรติ ช่อผะกา อายุ 52 ปี อยู่บ้านเลขที่ 104 ถนนราษฎรอุทิศ ต.บางคล้า อ.บางคล้า จ.ฉะเชิงเทรา ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลจังหวัดนนทบุรี ที่ 500/63 ข้อหา ชิงทรัพย์โดยมีอาวุธปืน โดยใช้ยานพาหนะเพื่อกระทำความผิดหรือเพื่อให้พ้นจากการจับกุม พร้อมด้วยของกลาง แหวนทองคำหนัก 1 สลึง 5 วง เงินสด 6,050 บาท รถ จยย. ฮอนด้า คลิก สีแดง หมายเลขทะเบียน 1 กข 5656 พระนครศรีอยุธยา อาวุธปืนปลอม 1 กระบอก เสื้อผ้าที่สวมใส่ในวันเกิดเหตุสามารถจับกุมตัวได้ที่ โรงแรมเลิฟอิน ซอยบางคล้า แปลงยาว 2/2 ต.บางคล้า อ.บางคล้า จ.ฉะเขิงเทรา
พล.ต.ท.อำพล บัวรับพร ผบช.ภ.1 กล่าวว่า เมื่อวันที่ 14 ต.ค.63 เวลา 10.00 น.ได้มีคนร้ายคนร้ายเป็นชาย อายุ ประมาณ 35-40 ปี สูงประมาณ 165-170 ซม.ใช้ผ้าแบบสวมหัวดึงขึ้นมาปิดบังใบหน้า สวมเสื้อแจ็คเก็ตแขนยาวสีกรมท่า กางเกงยีนต์ขายาว สวมรองเท้าแตะ ใส่ถุงมือสีขาว ใช้อาวุธปืนชิงทรัพย์ร้านห้างเพรชทองออโรร่า ภายในห้างบิ๊กซี สาขา รัตนาธิเบศร์ ถนนรัตนาธิเบศร์ ต.บางกระสอ อ.เมืองนทบุรี ได้แหวนทองคำหนัก 1 สลึง จำนวน 11 วง มูลค่า 90,000 บาท แล้วหลบหนีไป
หลังเกิดเหตุได้สั้งการให้ตำรวจสืบสวน ภ.1 สืบสวนภูธรจังหวัดนนทบุรี สืบสวนสภ. รัตนาธิ เบศร์ ท้องที่เกิดเหตุ เร่งรัดติดตามจับกุมตัวคนร้ายที่ก่อเหตุให้ได้ ต่อมาวันที่ 16 ต.ค.63 เจ้าหน้าที่ตำรวจสามารถจับกุมตัวนายสมเกียรติ ช่อผะกา อายุ 52 ปี ได้ที่โรงแรม ก่อนนำตัวกลับมาสอบสวน
จากการสอบสวนนายสมเกียรติ ช่อผะกา อายุ 52 ปี ให้การรับสารภาพว่า เป็นคนร้ายก่อเหตุชิงทรัพย์ร้านทอง ออโรร่า จริง สาเหตุที่ทำเพราะตนไปขโมยยาเสพติดจากนายหรั่ง มาเสพ พอนายหรั่งจับได้ จึงจับตนไปกักขังแล้วซ้อมทำร้ายร่างกายและให้หาเงินมาจากค่ายาเสพติดเป็นจำนวนเงิน 50,000 บาท ซึ่งแม่ตนได้ไปกู้เงินมา 30,000 บาท เพื่อมาใช้หนี้ นายหรั่งถึงได้ยอมปล่อยตัว และได้ข่มขู่ให้หาเงินที่เหลือมาคืน ตนจึงตัดสินใจลงมือก่อเหตุดังกล่าวโดยไปขโมยรถ จยย.มาจากนายจ้างร้านทำเต็นท์ผ้าใบ หลังก่อเหตุได้นำรถจยย.มาจอดทิ้งเมืองทองธานี แล้วหลบหนีกลับบ้านเกิดที่อ.บางคล้า จ.ฉะเขิงเทรา แล้วไปทำบัตรประชาชน ส่วนแหวนทอง 11 วง ที่ได้มาตนนำไปใช้หนี้นายหรั่ง 2 วง และให้เพื่อน 3 วง เหลือ 6 วง ตนได้นำไปขายร้านทองที่อ.บางคล้า จ.ฉะเขิงเทรา ก่อนจะไปเช่าโรงแรมนอนพักจนมาถูกตำรวจตามจับกุมตัวได้ ส่วนที่เลือกก่อเหตุร้านเพชรทองออโรร่า เนื่องจากไม่มีลูกกรงเหล็ก สามารถก่อเหตุได้ง่าย หลังแถลงข่าวและทำแผนประกอบคำรับสารภาพ ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจได้นำตัวนายสมเกียรติ ไปดำเนินคดีที่ สภ.รัตนาธิเบศร์
สาโรจน์ สว่างศรี / นนทบุรี