ผู้เสียหายกว่า 20 คนเข้ายื่นหนังสือต่อก.ยุติธรรม ให้ช่วยตรวจสอบกรณีของกลุ่มเปียแชร์ฯ
วันที่ 16 พ.ย.63 ที่ศูนย์ยุติธรรมสร้างสุข กระทรวงยุติธรรม : ผู้เสียหายกว่า 20 คน เข้ายื่นหนังสือต่อกระทรวงให้ช่วยตรวจสอบกรณีของกลุ่มเปียแชร์ และกลุ่มแบ่งปันรายได้ ของ น.ส.ชญานันท์ (นามสมมุติ) ชักชวนให้ร่วมลงทุนแชร์ แต่ไม่ได้รับเงินปันผล มีผู้เสียหายกว่า 250 คน มูลค่าความเสียหาย 83 ล้านบาท
ผู้เสียหายรายหนึ่ง กล่าวว่า กลุ่มดังกล่าวเริ่มเปิดให้ลงทุนเมื่อปี 2560 ซึ่งมี น.ส.ชญานันท์ฯ เป็นท้าวแชร์ และเปิดกลุ่มใหม่เพิ่มขึ้นอีก 1 กลุ่มตั้งชื่อว่ากลุ่มแบ่งปันรายได้ โดยมีการจ่ายเงินปันผลให้สมาชิกกว่า 250 คนตามปกติ จนกระทั่งปี 2562 ทั้งสองกลุ่มเริ่มมีปัญหา ซึ่งน.ส.ชญานันท์ฯ อ้างกับสมาชิกว่า มีสมาชิกในกลุ่มไม่ยอมจ่ายเงิน และต้องการได้เงินเร็วขึ้น จนทำให้กลุ่มแตก น.ส.ชญานันท์ฯ จึงผลัดผ่อนเรื่องการจ่ายเงินเรื่อยมา จนกระทั่งปี 2563 ก็เริ่มไม่จ่ายเงินพร้อมตัดการติดต่อทั้งทางเฟซบุ๊คและทางโทรศัพท์ ทำให้สมาชิกบางส่วนเดินทางไปตามหาที่บ้านก็ไม่ยอมออกมาไกล่เกลี่ย
จากนั้นกลุ่มผู้เสียหายได้รวมตัวกันจนพบว่ายอดความเสียหายรวมกว่า 83 ล้านบาท และพบพฤติการณ์ของน.ส.ชญานันท์ฯ มีการยุยงให้กลุ่มแชร์มีปัญหาเพื่อให้มีการพูดคุยเป็น การส่วนตัว นอกจากนี้ยังได้นำข้อมูลของสมาชิกในกลุ่มไปหาประโยชน์ส่วนตัว แต่จากการตรวจสอบพบว่า เจ้าตัวมีการซื้อรถ อาคาร และทรัพย์สินต่างๆ ไว้เป็นจำนวนมากที่จังหวัดพระนครศรีอยุธยา และที่อื่นๆ จึงต้องการให้กระทรวงยุติธรรม มาตรวจสอบและนำทรัพย์สินมาคืนให้ผู้เสียหาย
ด้านนายเนส (นามสมมุติ) กล่าวว่า ตนเริ่มลงทุนตั้งแต่ปี 2560 ด้วยจำนวนเงิน 20,000 บาท และได้ปันผลทุกเดือนตามที่ตกลงกับน.ส.ชญานันท์ฯ โดยสามารถถอนเงินได้ทุกครั้ง ซึ่งทุกครั้งที่ถอนเงินออกไป น.ส.ชญานันท์ฯ จะชักชวนให้ลงทุนเพิ่ม ในปี 2562 ตนได้ลงทุนอีก 5 แสนบาท และได้เงินปันผล 5 หมื่นต่อเดือน กระทั่ง 7 พ.ย.63 ครบกำหนดปันผล แต่ไม่ได้รับเงิน จึงโทรศัพท์ไปสอบถาม น.ส.ชญานันท์ฯ อ้างว่ายังเก็บเงินในกลุ่มไม่ครบ กำลังติดตามและรวบรวมให้ จนวันที่ 8 พ.ย.63 ทราบจากคนในกลุ่มบ้านแชร์ ซึ่งเป็นกลุ่มที่เพิ่งเปิดใหม่ มีการพูดคุยกันว่าไม่ได้รับเงินปันผล คาดว่าท้าวแชร์หนี กระทั่งวันที่ 10 พ.ย.63 ไม่สามารถติดต่อท้าวแชร์ได้ รวมยอดเงินที่ตนลงทุน 7.5 ล้านบาท
สุรเชษฐ ศิลานนท์ รายงาน