ตม.2 จับคาสนามบิน BIOMETRICS รวบ 2 คนไทยเครือข่ายแก๊งค้ามนุษย์,แรงไทยลักลอบขนไอซ์กว่า 4.1 กิโลกรัม ออกนอกประเทศ,จับ 2 มาเลฯ ลักลอบเข้าไทยคาโรงแรมกลางกรุง และรถตรวจการอัจฉริยะจับกุมคนต่างด้าวที่กระทำความผิดสำคัญ จำนวน 3 ราย
วันที่ 18 พ.ย.63 เวลา 13.00 น. ณ ห้องศูนย์ TIC ชั้น 4 อาคาร 1 สตม.(สวนพลู) สาธร กทม. : พล.ต.ท.สมพงษ์ ชิงดวง ผบช.สตม. พร้อมด้วย พล.ต.ต.สิทธิชัย โล่กันภัย รอง ผบช.สตม., พ.ต.อ.ปรีชา กองแก้ว รอง ผบก.ตม.2 และ พ.ต.อ.เพลิน กลิ่นพยอมผกก.กก.สส.ปป.บก. ตม.2 พร้อมชุดสืบสวนฯ ร่วมแถลงข่าวการจับกุมคนร้าย ดังนี้
1) BIOMETRICS รวบแก๊งค์ค้ามนุษย์คาสุวรรณภูมิ กองกำกับการสืบสวนปราบปราม กองบังคับการตรวจคนเข้าเมือง 2 ได้รับการประสานข้อมูลด้านการข่าวกับ กก.5 บก.ปคม. กรณีผู้ต้องหาจะเดินทางมาจากประเทศบาห์เรน และได้ดำเนินการเฝ้าระวังผ่านระบบตรวจสอบและคัดกรองผู้โดยสารล่วงหน้า (APPS) ได้มีคนไทยที่เดินทางกลับจากประเทศบาห์เรนโดยเที่ยวบิน GF152 เข้ามาขอตรวจอนุญาตเดินทางเข้าในราชอาณาจักรไทย โดยในการตรวจอนุญาตฯระบบพิสูจน์อัตลักษณ์บุคคล (BIOMETRICS) ได้แจ้งเตือนว่า บุคคลที่มาขอรับการตรวจนั้นเป็นบุคคลที่มีหมายจับของศาลอาญาในฐานความผิด “สมคบโดยตกลงกันตั้งแต่สองคนขึ้นไปร่วมกันกระทำความผิดค้ามนุษย์โดยการแสวงหาประโยชน์โดยมิชอบจากการค้าประเวณี,เพื่อสนองความใคร่ของผู้อื่น,ร่วมกันเป็นธุระจัดหาล่อไปหรือพาไปเพื่อการอนาจารซึ่งชายหรือหญิง โดยใช้อุบายหลอกลวง”
จึงได้ดำเนินการจับกุมและส่งตัวผู้ต้องหาไปยังสภ.ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ซึ่งเป็นที่ทำการของพนักงานสอบสวนแห่งท้องที่ที่ถูกจับกุม เนื่องจากไม่สามารถนำไปยังที่ทำการของพนักงานสอบสวนผู้รับผิดชอบได้เพราะผู้ต้องหาดังกล่าวเป็นบุคคลผู้เดินทางกลับจากต่างประเทศ ที่อยู่ในกลุ่มเฝ้าสังเกตอาการความเสี่ยงจากโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) เดินทางมาจากประเทศบาห์เรน ตาม พ.ร.บ.โรคติดต่อ 2558 และตามประกาศกระทรวงสาธารณสุข เรื่องมาตรการในการควบคุมโรคติดต่อเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) ซึ่งเจ้าหน้าที่กระทรวงสาธารณสุข จะต้องกักตัวผู้ต้องหาดังกล่าวเพื่อ “การเฝ้าระวัง” สังเกตอาการ ณ สถานกักกันโรคของรัฐ (ตามมาตรการ STATE QUARANTINE) และได้ประสานกับ กก.5 บก.ปคม. ในการมารับตัวผู้ถูกจับกุมไปดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
2) สืบ ตม.2 ร่วม ตำรวจ บช.ปส. จับแรงงานไทยลักลอบขนไอซ์กว่า 4.1 กิโลกรัม คาสุวรรณภูมิ กองกำกับการสืบสวนปราบปราม กองบังคับการตรวจคนเข้าเมือง 2 ได้ประสานงานด้านการข่าวกับ กก.1 บก.ปส.3 ภายใต้การปฏิบัติการ AITF ในการลักลอบนำเข้าหรือส่งออกยาเสพติดให้โทษ และจากการเฝ้าระวังอย่างต่อเนื่อง ได้ตรวจพบชายสัญชาติไทย ซึ่งเป็นแรงงานจะเดินทางไปยังประเทศอิสราเอล ได้ลักลอบขนยาเสพติดที่ออกฤทธิ์ต่อจิตและประสาทประเภทที่ 1 (Methamphetamine) บรรจุในซองเกลือแร่ซุกซ่อนในกระเป๋าเดินทาง และน่าเชื่อว่าอาจจะนำไปจำหน่ายที่ประเทศอิสราเอล จึงได้ดำเนินการจับกุมในฐานความผิด “พยายามนำยาเสพติดให้โทษประเภท 1 (ไอซ์หรือเมทแอมเฟตามีน) ออกนอกราชอาณาจักรเพื่อจำหน่ายโดยไม่ได้รับอนุญาต และมียาเสพติดให้โทษประเภท 1 (ไอซ์หรือเมทแอมเฟตามีน) ไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายโดยไม่ได้รับอนุญาต” และนำส่งนักงานสอบสวน บช.ปส. เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
3) ตม.2 จับ 2 มาเลฯ ลักลอบเข้าไทยคาโรงแรมกลางกรุง กองกำกับสืบสวนปราบปราม กองบังคับการตรวจคนเข้าเมือง 2 ได้รับการประสานข้อมูลด้านการข่าวจากสายลับกรณีอาจมีคนต่างชาติซึ่งน่าเชื่ออาจจะหลบหนีเข้ามาในราชอาณาจักรไทยและเข้าพักที่โรงแรมตรงข้ามโรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ ถนนพระราม 4 จึงได้เร่งรัดเข้าตรวจสอบและได้พบกับชายต่างด้าวสัญชาติมาเลเซีย ซึ่งมีลักษณะรูปพรรณตามข้อมูลที่ได้รับการประสาน และผลการตรวจสอบพบว่าทั้งสองได้เข้าเมืองโดยไม่ได้รับอนุญาต จึงได้ดำเนินการจับกุมในฐานความผิด “เป็นบุคคลต่างด้าวเข้ามาและอยู่ในราชอาณาจักรไทยโดยไม่ได้รับอนุญาต” และนำส่ง พงส.กลุ่มงานสอบสวน บก.สส.สตม. เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
4) รถตรวจการอัจฉริยะเยี่ยม ตามนโยบายของผู้บังคับบัญชาในการนำระบบเทคโนโลยีเข้ามาบูรณาการเพื่อพัฒนาการปฏิบัติงาน โดยกองกำกับการสืบสวนปราบปราม กองบังคับการตรวจคนเข้าเมือง 2 ได้นำรถตรวจการณ์อัจฉริยะออกตรวจตราและร่วมปฏิบัติ ซึ่งในเดือน ตุลาคม 2563 สามารถจับกุมคนต่างด้าวที่กระทำความผิดสำคัญ จำนวน 3 ราย คือ
4.1) จับกุมชายต่างด้าวสัญชาติเยอรมนีในฐานความผิด “เป็นบุคคลต่างด้าวเข้ามาและอยู่ในราชอาณาจักรไทยโดยไม่ได้รับอนุญาต” บริเวณหน้าอาคารผู้โดยสาร ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ขณะจอดระวังเหตุ และนำส่ง พงส.สภ.ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
4.2) จับกุมชายต่างด้าวสัญชาติจีนในฐานความผิด “เป็นบุคคลต่างด้าวเข้ามาและอยู่ในราชอาณาจักรไทยโดยไม่ได้รับอนุญาต” บริเวณหน้าอาคารผู้โดยสาร ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ขณะจอดระวังเหตุ และนำส่ง พงส.สภ.ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
4.3) จับกุมหญิงสัญชาติลาวในฐานความผิด “อยู่ในราชอาณาจักรโดยการอนุญาตสิ้นสุด” บริเวณแคมป์งานก่อสร้าง ริมถนนบางนา-ตราด กม.4.5 โดยจากการตรวจสอบพบว่าคนต่างด้าวรายนี้อยู่เกินกำหนดอนุญาตไปกว่า 4,140 วัน จึงนำส่ง พงส.สน.บางนา เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
พล.ต.ต.สิทธิชัยฯ ขอฝากประชาสัมพันธ์ให้ทราบว่า สตม. มีมาตรการในการตรวจสอบ กวดขัน และปราบปรามการกระทำความผิดในด้านต่างๆ รวมทั้งดำเนินการตรวจสอบชาวไทยและชาวต่างชาติที่มีพฤติกรรมไม่เหมาะสม กระทำผิดกฎหมาย ก่อเหตุอันตรายต่อความสงบสุขและความปลอดภัยในชีวิตทรัพย์สินของประชาชน ทำให้เกิดความเสียหายต่อภาพลักษณ์ของประเทศชาติ หากประชาชนท่านใดพบเห็นเบาะแสการกระทำความผิด กรุณาแจ้งมายัง สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง เลขที่ 507 ซ.สวนพลู แขวงทุ่งมหาเมฆ เขตสาทร กรุงเทพ มหานคร 10120 หรือที่หมายเลขโทรศัพท์ 1178 หรือที่ www.immigration.go.th จักขอบพระคุณอย่างยิ่ง
สุรเชษฐ ศิลานนท์ รายงาน