วันที่ 23 พฤศจิกายน 2563 เวลาประมาณ 06.30 น. : ภายใต้อำนวยการสั่งการของ พล.ต.ท. สมพงษ์ ชิงดวง ผบช.สตม. พร้อมด้วย พล.ต.ต.ณฐพล แสวงกิจ รอง ผบช.สตม., พล.ต.ต. กฤษฎา กาญจนอลงกรณ์ ผบก.ตม.4, พ.ต.อ.เอกกมนต์ พรชูเกียรติ รอง ผบก.ตม.4, นายภูริวัฒน์ โชตินพรัตน์ นายอำเภอเชียงคาน, พ.ต.อ.ชนะพณ สุวรรณศรีนนท์ ผกก.ตม.จ.เลย บก. ตม.4, พ.ต.อ.ต่อศักดิ์ อรัณยกานนท์ ผกก.สภ.เชียงคาน, พ.ต.ท.กันต์พจน์ แจ่มปรางค์ทอง รอง ผกก.ตม.จ.เลย, พ.ต.ท.ปัญจมานนท์ เมฆเลื่อม สว.ตม.จ.เลย บก.ตม.4, พ.ต.ต.ณัฐวุฒิ ใจสุข ผบ.ร้อย ตชด.ที่ 246 และ ร.อ.ชาญชัย ฦาชา ผบ.ร้อย ทพ. 2209
โดยเจ้าหน้าที่ชุดสืบสวน ตม.จ.เลย ร่วมกับหน่วยงานความมั่นคงในพื้นที่ได้ร่วมทำการจับกุม นายหรือท้าวศักชัย วงดารา อายุ 35 ปี สัญชาติลาว ราษฎรบ้านชะนะคาม เมืองสานะคาม แขวงเวียงจันทน์ สปป.ลาว และนายจักรกฤษ์ เกษทองมา อายุ 22 ปี บ้านนาหงส์ ต.ปากชม อ.ปากชม จ.เลยโดยกล่าวหาว่า “เป็นคนต่างด้าว (สัญชาติลาว) เดินทางเข้ามาและอยู่ในราชอาณาจักรโดยไม่ได้รับอนุญาต (ผู้ต้องหาที่ 1) ฐานความผิดตามพระราชบัญญัติคนเข้าเมือง พ.ศ.2522 มาตรา 64 ผู้ใดรู้ว่าเป็นคนต่างด้าวคนใดเข้ามาในราชอาณา จักรโดยฝ่าฝืนพระราชบัญญัตินี้ ให้เข้าพักอาศัยซ่อนเร้นหรือช่วยด้วยประการใดๆ เพื่อให้คนต่างด้าวนั้นพ้นจากการจับกุม (ผู้ต้องหาที่ 2) พร้อมด้วยของกลาง รถจักรยานยนต์ยี่ห้อฮอนด้า สีดำคาดแดง รุ่นเวฟไอ ไม่ติดแผ่นป้ายทะเบียน โดยสามารถจับกุมได้ที่ บริเวณลานหน้าฌาปณกิจสถาน บ.ห้วยซวก-คกเลา ต.บุฮม อ.เชียงคาน จ.เลย
โดยก่อนการจับกุมและการแจ้งข้อกล่าวหา จากนโยบายและคำสั่งสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง ให้บูรณาการกำลังปฏิบัติราชการร่วม โดยชุดสืบสวน ตม.จ.เลย, สภ.เชียงคาน, ชุดปฏิบัติการข่าวร้อย ทพ.2209, ร้อย ตชด.ที่ 246 และจนท.ฝ่ายปกครองอำเภอเชียงคาน เร่งรัดตรวจสอบบุคคลต่างด้าวทุกสัญชาติเพื่อควบคุมการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด 19 และป้องกันการแพร่ระบาดของยาเสพติด ในเขตพื้นที่รับผิดชอบพื้นที่ตามแนวชายแดนบริเวณ บ.ห้วยซวก ต.บุฮม อ.เชียงคานฯ
จนกระทั่งสืบทราบว่ามีบุคคลต่างด้าวไม่ทราบชื่อและคนไทยชื่อนายต่อ (ไม่ทราบชื่อนาม สกุลจริง) นัดแนะกันลักลอบเข้ามาในราชอาณาจักร จึงร่วมกันวางแผนการจับกุม ต่อมาตามวันเวลาที่เกิดเหตุพบ นายหรือท้าวศักชัย วงดารา ราษฎรบ้านชะนะคาม เมืองสานะคาม แขวงเวียงจันทน์ สปป.ลาว นั่งเรือเพลาหางยาวจากฝั่ง สปป.ลาว มุ่งหน้ามายังฝั่งไทยจุดเกิดเหตุจากนั้นภายหลังเรือเพลาเข้ามาจอดยังฝั่งแม่น้ำโขง บ.ห้วยซวกฯ นายหรือท้าวศักชัยเดินขึ้นมายังจุดที่นายต่อหรือจักรกฤษ์ เกษทองมา (ทราบชื่อภายหลังการจับกุม) อายุ 22 ปี บ้านนาหงส์ ต.ปากชม อ.ปากชมฯ จอดรถจักรยานยนต์ยี่ห้อฮอนด้า รุ่นเวฟไอ สีดำคาดแดง ไม่ติดแผ่นป้ายทะเบียน ซึ่งจอดรออยู่ลานหน้าฌาปนกิจสถาน บ.ห้วยซวก-คกเลาฯ ห่างจากริมฝั่งโขงประมาณ 200 เมตร ภายหลังพูดคุยกันสักครู่ได้ชักชวนกันขึ้นรถจักยานยนต์คันดังกล่าวกำลังจะขับออกจากจุดนัดพบ เจ้าหน้าที่จึงแสดงตัวเป็นพนักงานเจ้าหน้าที่ตรวจคนเข้าเมือง ทำการกักตัวเพื่อสืบสวนสอบถาม พบว่านายหรือท้าวศักชัย วงดารา อายุ 35 ปี ราษฎร บ้านชะนะคาม เมืองสานะคาม แขวงเวียงจันทน์ สปป.ลาว
เมื่อขอตรวจสอบเอกสารหลักฐานบัตรประจำตัวหรือหนังสือเดินทาง ได้แสดงบัตรประจำตัวสัญชาติลาว แต่ไม่มีหนังสือเดินทางนำมาแสดงต่อเจ้าหน้าที่ฯ และให้ถ้อยคำยืนยันรับว่าตนเป็นบุคคลสัญชาติลาว เชื้อชาติลาว ลักลอบเดินทางเข้ามาในประเทศไทยโดยเรือเพลาหางยาว และมีภูมิลำเนาตรงตามที่แจ้งกับเจ้าหน้าที่จริง จึงได้แจ้งข้อกล่าวหาให้นายหรือท้าวศักชัยฯ ทราบว่า “เป็นคนต่างด้าว เดินทางเข้ามาและอยู่ในราชอาณาจักรโดยไม่ได้รับอนุญาต” ส่วนนายจักรกฤษ์ฯ เจ้าหน้าที่พบพฤติการณ์กระทำผิดซึ่งหน้า กำลังจะพานายหรือท้าวศักชัยฯ ไปยัง อ.ปากชมฯ นายจักรกฤษ์ฯ ให้การรับสารภาพว่าตนกระทำความผิดจริงและได้ให้ถ้อยคำเพิ่มเติมว่าตนใช้โทรศัพท์หมายเลข 082-9199507 ติดต่อชักชวน นายหรือท้าวศักชัยฯใช้โทรศัพท์หมายเลข 080-2410181 โดยนายหรือท้าวศักชัยฯ ได้นั่งเรือเพลาหางยาวข้ามลำน้ำโขงมายังฝั่งไทยซึ่งตนกำลังจะขับขี่รถจักรยานยนต์พานายหรือท้าวศักชัยฯ เข้าไปใน อ.ปากชมฯ
เจ้าหน้าที่จึงได้แจ้งข้อกล่าวหาว่า “ฐานความผิดตามพระราชบัญญัติคนเข้าเมือง พ.ศ.2522 มาตรา 64 ผู้ใดรู้ว่าเป็นคนต่างด้าวคนใดเข้ามาในราชอาณาจักรโดยฝ่าฝืนพระราชบัญญัตินี้ ให้เข้าพักอาศัยซ่อนเร้นหรือช่วยด้วยประการใดๆ เพื่อให้คนต่างด้าวนั้นพ้นจากการจับกุม” จากนั้นควบคุมตัวผู้ต้องหาพร้อมของกลางนำส่ง พงส.สภ.เชียงคาน เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
สุรเชษฐ ศิลานนท์ รายงาน