ตำรวจภูธรภาค 8 แถลงผลกวาดล้างอาชญากรรม ตามแผน “พิทักษ์ภัยให้กับประชาชน 62” และมาตรการป้องกันปราบปรามการแข่งรถในทางและความผิดอื่นที่เกี่ยวข้อง เน้นย้ำทุกสถานีเพิ่มความเข้มข้นในการปฏิบัติการป้องปรามกลุ่มเด็กแว้น
วันนี้ (22 ก.ค.) พล.ต.ท.พงษ์วุฒิ พงษ์ศรี ผบช.ภ.8 ประธานแถลงข่าวผลการปฏิบัติในการกวาดล้างปิดล้อมตรวจค้นเพื่อป้องกันปราบปรามอาชญากรรม และการป้องกันปราบปรามการแข่งรถในทางและความผิดอื่นที่เกี่ยวข้อง โดยมีรองผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 8 ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัด และผู้กำกับการสถานีตำรวจภูธรในพื้นที่ตำรวจภูธรภาค 8 และเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดจับกุม เข้าร่วม ณ ห้องประชุมไม้ขาว ตำรวจภูธรภาค 8 อ.ถลาง จ.ภูเก็ต
พล.ต.ท.พงษ์วุฒิ พงษ์ศรี ผบช.ภ.8 กล่าวว่า ตามที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ได้สั่งการให้ดำเนินการตามแผนป้องกันปราบปรามอาชญากรรม ประจำปี 2562 “พิทักษ์ภัยให้กับประชาชน 62” และมาตรการป้องกันปราบปรามการแข่งรถในทางและความผิดอื่นที่เกี่ยวข้อง ตำรวจภูธรภาค 8 ได้ดำเนินการในเรื่องดังกล่าวอย่างจิงจัง โดยด้านแผนการป้องกันปราบปรามอาชญากรรม ได้ดำเนินการภายใต้ยุทธศาสตร์เชิงรุกในการป้องกันปราบปรามอาชญากรรม ตำรวจภูธรภาค 8 ได้นำตัวชี้วัดระบบ KPI มาใช้ โดยกำหนดให้กวาดล้างปิดล้อมตรวจค้นพื้นที่ เพื่อจับกุมสิ่งของผิดกฎหมาย อาวุธปืน อาวุธสงคราม วัตถุระเบิด ยาเสพติด และบุคคลตามหมายจับ เป็นประจำทุกเดือนๆ ละ 2 ครั้ง ครั้งละ 10 วัน กำหนดเป้าหมาย ตามสถานภาพอาชญากรรมของพื้นที่ให้ทุกสถานีในสังกัดดำเนินการ
ขณะที่ด้านมาตรการป้องกันปราบปรามการแข่งรถในทางและความผิดอื่นที่เกี่ยวข้อง ได้สั่งการให้ทุกสถานีตำรวจระดมสรรพกำลังทั้งฝ่ายสืบสวน ฝ่ายป้องกันปราบปราม ฝ่ายจราจร ทำการปิดล้อมตรวจค้น ตั้งจุดตรวจ จุดสกัด ตามห้วงเวลาที่เหมาะสม จัดทำประวัติร้านค้า ร้านซ่อม ร้านขายอะไหล่ ข้อมูลกลุ่มนักแข่งรถ เพื่อป้องกันปราบปรามและจับกุมความผิดที่เกี่ยวข้องกับการแข่งขันรถในทาง รวมทั้งมาตรการขยายผลดำเนินการกับผู้เกี่ยวข้องที่มีส่วนสนับสนุนการกระทำความผิด สำหรับ เดือน กรกฎาคม 2562 ให้เพิ่มความเข้มข้นในการปฏิบัติจำนวน 2 ห้วงๆ ละ 10 วัน ห้วงที่ 1 ระหว่างวันที่ 11-20 กรกฎาคม และ ห้วงที่ 2 ระหว่างวันที่ 22-31 กรกฎาคม
สำหรับผลการปฏิบัติการในการปิดล้อมตรวจค้นพื้นที่ เพื่อป้องกันปราบปรามอาชญากรรมที่นำมาแถลงข่าวในวันนี้ เป็นผลการปฏิบัติในห้องที่ 2 ของเดือน มิถุนายน ระหว่างวันที่ 20-29 มิถุนายน 2562 และห้วงที่ 1 ของเดือน กรกฎาคม ระหว่างวันที่ 3-12 กรกฎาคม 2562 ทำการปิดล้อมตรวจค้นพื้นที่เป้าหมาย 3,827 เป้าหมาย พบการกระทำผิด 3,099 เป้าหมาย คิดเป็น 80.97% ไม่พบการประทำผิด 728 เป้าหมาย คิดเป็น 19.03% ,จับกุมสิ่งผิดกฎหมาย 3,206 ราย ผู้ต้องหา 3,454 ราย โดยแบ่งเป็นประเภท พ.ร.บ.อาวุธปืน 317 ราย ผู้ต้องหา 320 คน ของกลางอาวุธปืนธรรมดา 245 กระบอก กระสุน 1,610 นัด อาวุธสงคราม 2 กระบอก กระสุน 326 นัด และวัตถุระเบิด จำนวน 2 ลูก ,ความผิด พ.ร.บ.ยาเสพติด จำนวน 2,491 ราย ผู้ต้องหา 2,555 คน ของกลาง ยาบ้า 595,894 เม็ด ยาไอซ์ 8,606 กรัม เฮโรอีน 0.31 กรัม กัญชาแห้ง 155.99 กรัม พืชกระท่อม 23,898 กิโลกรัม น้ำพืชกระท่อม 377 ลิตร จับกุมคดีค้างเก่า 165 ราย ผู้ต้องหา 165 ราย พ.ร.บ.การพนัน 122 ราย ผู้ต้องหา 262 คน พ.ร.บ.คนข้าเมือง 111 ราย ผู้ต้องหา 152 คน
พล.ต.ท.พงษ์วุฒิ กล่าวต่อไปว่า ในส่วนการดำเนินการตามมาตรการป้องกันปราบปรามการแข่งขันรถในทางและความผิดอื่นที่เกี่ยวข้อง ซึ่งมี 3 มาตรการเป็นผลการปฏิบัติในระหว่างวันที่ 5-20 กรกฎาคม 2562 ผลการดำเนินการกับผู้ขับขี่และผู้สนับสนุน ได้จับกุมตาม พ.ร.บ.จราจรทางบก พ.ศ.2522 จำนวน 152 ราย ในข้อหา ขับรถไม่ติดแผ่นป้ายทะเบียน 102 ราย ขัดรถกีดขวางการจราจร 23 ราย ขับรถไม่คำนึงถึงความปลอดภัย 8 ราย ขับรถประมาทอันน่าหวาดเสียว 19 ราย ,จับกุม ตาม พ.ร.บ.รถยนต์ พ.ศ.2522 จำนวน 2,604 ราย ในข้อหาเปลี่ยนแปลงตัวรถ 133 ราย ขับรถโดยไม่ได้รับอนุญาต 2,155 ราย ใช้รถอุปกรณ์ส่วนควบไม่ครบ 247 ราย ใช้รถที่ไม่จดต่อทะเบียน 52 ราย ยินยอมให้ผู้ซึ่งไม่มีใบอนุญาตขับรถเข้าขับรถของตนหรือรถที่ตนเป็นคนขับ จำนวน 17 ราย ของกลางที่ตรวจยึดจากการกระทำผิดตามกฎหมายที่เกี่ยวข้อง ประกอบด้วยอุปกรณ์ท่อดัดแปลง 153 ชิ้น ยึดรถยนต์ จำนวน 3 คัน และรถจักรยานยนต์ จำนวน 33 คัน ไว้ตรวจสอบ
นอกจากนี้ได้ดำเนินการกับร้านค้าแก้ไข ดัดแปลง ตกแต่ง ตามกฎหมายอื่น ได้แก่ จับกุมตาม พ.ร.บ.การสาธารณสุข พ.ศ.2535 ในข้อหา ดำเนินกิจการตามประเภทที่มีข้อบัญญัติท้องถิ่นกำหนดให้เป็นกิจการที่ต้องมีการควบคุมในลักษณะที่เป็นการค้าจำนวน 8 ราย
สำหรับการดำเนินการ ตามมาตรการป้องกันปราบปราม การแข่งรถในทางและความผิดอื่นที่เกี่ยวข้องนี้ เป็นเรื่องที่รัฐบาลและสำนักงานตำรวจแห่งชาติให้ความสำคัญมาก จึงได้กำชับให้ทุกพื้นที่นำมาตรการต่างๆ ที่สั่งการไว้มาใช้อย่างจริงจัง พล.ต.ท.พงษ์วุฒิ กล่าว-
ขอขอบคุณภูเก็ตอันดามันนิวส์
-สำนักข่าวความมั่นคง- จ.ภูเก็ต