DSI ขยายผลการยึดทรัพย์ในความผิดฐานฟอกเงิน (คดีเกี่ยวเนื่องเกี่ยวพันกับฐานความผิดแชร์ลูกโซ่) มูลค่ากว่า 154 ล้านบาท
ตามที่ กองคดีธุรกิจการเงินนอกระบบ กรมสอบสวนคดีพิเศษ ได้ดำเนินคดีความผิดมูลฐาน
คดีพิเศษที่ 100/2558 กรณี หลอกลวงให้เช่าตู้คอนเทนเนอร์ ซึ่งพนักงานอัยการได้ฟ้องผู้ต้องหาต่อศาลอาญา ศาลมีคำพิพากษา เมื่อวันที่ 27 มิถุนายน 2562 ว่ามีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา พระราชกำหนด การกู้ยืมเงินที่เป็นการฉ้อโกงประชาชน พ.ศ.2527 มาตรา 4 วรรคหนึ่ง มาตรา 12,15 วรรคหนึ่ง ความผิดฐานร่วมกันฉ้อโกงประชาชน ให้ลงโทษฐานร่วมกันกู้ยืมเงินที่เป็นการฉ้อโกงประชาชน ซึ่งเป็นบทที่มีโทษหนักที่สุด ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 90 จำเลยที่ 3 จำคุกคนละ 5 ปี รวม 2,540 กระทง เป็นจำคุก 12,700 ปี ความผิดกระทง ที่หนักที่สุดมีอัตราโทษจำคุกอย่างสูงเกินสามปีแต่ไม่เกินสิบปี จึงให้จำคุกคนละ 20 ปี ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 91 (2) กับให้จำเลยที่ 3 ร่วมกันคืนหรือใช้เงินแก่ผู้เสียหาย ตามจำนวน ที่ผู้เสียหายแต่ละราย นำเงินมาลงทุนและยังไม่ได้รับคืน พร้อมดอกเบี้ยร้อยละ 7.5 ต่อปี นับถัดจากวันฟ้อง คดียังไม่ถึงที่สุด อยู่ระหว่างอุทธรณ์
ต่อมา อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษได้สั่งการให้ดำเนินการในความผิดฐานฟอกเงินซึ่งเป็นคดีเกี่ยวเนื่องเกี่ยวพันในคดีพิเศษที่ 67/2562 คณะพนักงานสอบสวนคดีพิเศษได้รวบรวมพยานหลักฐานเสร็จสิ้นแล้ว พบว่ากลุ่มผู้ต้องหาได้นำเงินที่ได้จากการกระทำผิด เปลี่ยนสภาพเป็นทรัพย์สินต่างๆ แล้วซุกซ่อนหรือปกปิดแหล่งที่มาของทรัพย์สิน โดยมีบุคคลที่มีพฤติกรรมอันควรสงสัย เกี่ยวข้องในการทำธุรกรรมที่มีเหตุอันเชื่อว่าเป็นการหลีกเลี่ยง โอน หรือรับโอน หรือเปลี่ยนสภาพทรัพย์สินที่ได้มาจากการกระทำผิดเพื่อซุกซ่อนหรือปกปิดแหล่งที่มาหรือปกปิดแหล่งที่มา จำหน่าย โอน การได้สิทธิ ใดๆ ซึ่งทรัพย์สินดังกล่าวอันเป็นเงินหรือทรัพย์ที่ได้จากการกระทำผิด จากการตรวจสอบ วิเคราะห์ข้อมูลรายงานการเคลื่อนไหวทางการเงินพบว่ามีการทำธุรกรรมที่มีเหตุอันควรสงสัย ปรากฏการทำธุรกรรมทางการเงิน โดยผู้ต้องหาได้นำเงินที่เชื่อว่าเป็นเงินที่ได้มาจากการฉ้อโกงในช่วงวันที่ 8 ธันวาคม 2554 ถึง 25 เมษายน 2558 ไปซื้อทรัพย์สินหลายรายการ รวมมูลค่า 154,090,226 บาท
คณะพนักงานสอบสวนคดีพิเศษได้ออกหมายจับ จำนวน 6 ราย และแจ้งข้อกล่าวหาแก่ผู้ต้องหา จำนวน 19 ราย นิติบุคคล จำนวน 1 ราย โดยมีความเห็นควรสั่งฟ้องผู้ต้องหา จำนวน 26 ราย รวมมูลค่าทรัพย์สินที่อายัด ประมาณ 154,090,226 บาท ได้แก่
- โฉนดที่ดิน 44 แปลง มูลค่าประมาณ 114,857,000 บาท
- อาคารพาณิชย์ จำนวน 6 คูหา มูลค่าประมาณ 30,000,000 บาท
- บ้านเดี่ยว มูลค่าประมาณ 3,500,000 บาท
- บัญชีเงินฝาก จำนวน 36 บัญชี รวมประมาณ 2,932,766 บาท
- เงินสด 1,191,000 บาท
- เงินดอลล่าร์ 660 ดอลล่าร์ มูลค่าประมาณ 20,460 บาท
- ทองคำน้ำหนัก 4.5 บาท มูลค่าประมาณ 99,000 บาท
- รถยนต์ 2 คัน มูลค่าประมาณ 1,200,000 บาท
- จักรยานยนต์ 1 คัน มูลค่าประมาณ 30,000 บาท
- อาวุธปืน 2 กระบอก กระสุน 24 นัด มูลค่าประมาณ 220,000 บาท
- โทรศัพท์มือถือ 2 เครื่อง มูลค่าประมาณ 40,000 บาท
ทั้งนี้ เพื่อให้เกิดประสิทธิภาพและการเยียวยาผู้เสียหายทางคดี ในปีงบประมาณ 2564 นี้ กองคดีธุรกิจการเงินนอกระบบ จะได้จัดตั้งส่วนปฎิบัติการเพื่อติดตามทรัพย์ฯ ตามความผิด พระราชกำหนดการ กู้ยืมเงินที่เป็นการฉ้อโกงประชาชน พ.ศ.2527 และความผิดต่อเนื่องเกี่ยวพันฐานฟอกเงิน เพื่อดำเนินการ กับกลุ่มผู้กระทำความผิดดังกล่าว ควบคู่กับการนำตัวผู้กระทำความผิดมาลงโทษต่อไป
สุรเชษฐ ศิลานนท์ รายงาน