ข่าวใหม่อัพเดท » พนักงานธนาคาร ธกส. เจอกับตัวเอง มีพัสดุส่งเรียกเก็บเงินปลายทาง 680 เปิดดูไม่ใช่ของที่สั่ง ขอคืนหน้าศูนย์รับส่งสินค้าพัสดุ แจงว่าสินค้าโดนแกะแล้ว คืนเงินไม่ได้ต้องจ่าย จึงได้แจ้งความลงบันทึกประจำวัน หวั่นเป็นทางหากินมิจฉาชีพ

พนักงานธนาคาร ธกส. เจอกับตัวเอง มีพัสดุส่งเรียกเก็บเงินปลายทาง 680 เปิดดูไม่ใช่ของที่สั่ง ขอคืนหน้าศูนย์รับส่งสินค้าพัสดุ แจงว่าสินค้าโดนแกะแล้ว คืนเงินไม่ได้ต้องจ่าย จึงได้แจ้งความลงบันทึกประจำวัน หวั่นเป็นทางหากินมิจฉาชีพ

4 กุมภาพันธ์ 2021
0

พนักงานธนาคาร ธกส. เจอกับตัวเอง มีพัสดุถูกส่งมาถึงบ้าน อ้างเป็นสินค้าที่สั่งซื้อทางออนไลน์ นึกว่าเป็นขนมที่สั่งไว้ เปิดดูเป็นนาฬิกา เรียกเก็บเงินปลายทาง ราคา 680 บาท ขอคืน หน้าศูนย์รับส่งสินค้าพัสดุ แจงว่าสินค้าโดนแกะแล้ว คืนเงินไม่ได้ต้องจ่าย จึงได้แจ้งความลงบันทึกประจำวัน หวั่นเป็นทางหากินมิจฉาชีพ

เมื่อวันที่ 3 กุมภาพันธ์ 2564 ที่ สถานีตำรวจภูธรเมืองศรีสะเกษ นายพงษ์พัฒน์ ไตรพิพัฒน์ อายุ 59 ปี อยู่บ้านเลขที่ 444/25 หมู่บ้านสิริมงคล2 หมู่ที่ 5 ตำบลหนองครก อำเภอเมือง จังหวัดศรีสะเกษ ได้เข้าพบพนักงานสอบสวน เพื่อขอลงบันทึกประจำวัน ในกรณีที่มีบริษัทรับส่งพัสดุ นำกล่องพัสดุมาส่งถึงบ้าน ซึ่งนึกว่าเป็นขนมที่ตนเองสั่งซื้อทางออนไลน์ จึงได้รับและจ่ายเงินไปในราคา 680.- บาทถ้วน แต่เมื่อมาแกะดู กลับพบว่าเป็นกล่องนาฬิกาโรเล็ก ซึ่งไม่ได้สั่ง และเชื่อว่าเป็นนาฬิกาปลอม ราคาไม่น่าจะถึง 100 บาท จึงประสงค์ที่จะส่งคืนแก่ผู้ที่จัดส่งมา แต่ปรากฎว่า ไม่มีชื่อผู้ส่งมา เป็นเพียงชื่อเล่นเป็นภาษาอังกฤษว่า XH จึงสงสัยว่า บริษัทที่รับส่งของ ทำไมไม่มีชื่อจริง นามสกุลจริง ของผู้ส่ง มีแต่เฉพาะชื่อจริงของผู้รับ ขณะเดียวกัน ศูนย์ผู้ส่งสินค้าในจังหวัดศรีสะเกษ ยืนยันว่า เมื่อลูกค้าแกะกล่องสินค้าดูแล้วต้องจ่ายเงิน ผู้รับจึงสงสัยว่า จะมีการกระทำเป็นกระบวนการ ส่งสินค้าไปจำหน่ายแก่ใครก็ได้ทั่วประเทศ หากผู้รับยอมจ่ายเงิน อาจจะเป็นช่องทางหาเงินของต้นทางได้ ในยามวิกฤตช่วงโควิด-19 เช่นนี้

นายพงษ์พัฒน์ ไตรพิพัฒน์ ผู้เสียหาย เปิดเผยว่า เมื่อเที่ยงของวันที่ 1 กุมภาพันธ์ 2564 ขณะที่ตนทานข้าวเที่ยงที่บ้าน ได้มีพนักงานรับส่งพัสดุของบริษัทแห่งหนึ่งในจังหวัดศรีสะเกษ นำกล่องสินค้ามาส่ง แจ้งว่าเป็นสินค้าที่สั่งทางออนไลน์ ซึ่งตนคิดว่าเป็นขนมที่สั่งไว้ จึงได้ลงชื่อรับและจ่ายเงินไป จำนวน 680.-บาท แต่เมื่อขอเปิดดูต่อหน้าพนักงาน กลับเป็นนาฬิกา ข้อมือ ยี่ห้อ โรเล็ค ซึ่งตนไม่ได้สั่ง จึงต้องการขอคืนสินค้า และขอเงินคืน แต่พนักงานบริษัทยืนยันว่า เมื่อแกะกล่องแล้ว ต้องรับสินค้า และต้องจ่ายเงินตามจำนวนที่เรียกเก็บ จึงต้องการเตือนภัยต่อประชาชน จึงได้มาแจ้งความ และขอความร่วมมือกับบริษัทดังกล่าว ขอให้ช่วยเช็คว่า ชื่อ นามสกุล ที่อยู่ผู้ที่ส่งมา ว่ามาจากไหน ใครส่งมา ทำไมการส่งของจึงใช้ชื่อเล่น อักษรย่อได้ หากทำแบบนี้ได้ ใครส่งของผิดกฎหมายมาก็ได้รึป่าว

ซึ่งหัวหน้าศูนย์รับส่งสินค้า ตัวแทนในจังหวัดศรีสะเกษ รับว่าจะสอบถามไปทางบริษัทใหญ่ให้ตรวจสอบ ซึ่งก็ไม่ทราบว่าจะได้เรื่องมากน้อยขนาดไหน ตนจึงวอนขอสังคมพิจารณาในเรื่องนี้ และหากบริษัทที่รับส่งสินค้า ไม่มีข้อกำหนดว่า จะต้องตรวจสอบผู้ส่งโดยการกรอกบัตรประชาชน ระบุให้ชัดเจนว่า ใครเป็นคนส่ง ก็เหมือนเห็นแก่รายได้ค่าส่ง แต่ไม่ช่วยผู้รับที่อาจจะเดือดร้อนจากการรับของที่ไม่ได้สั่ง ต้องจ่ายเงินไปเช่นนี้ และหากส่งออกไปจำนวนมาก ๆ ก็อาจจะมีรายได้เป็นล้านบาทได้เช่นกัน

ร้อยตำรวจเอก มงคล พิลัย ร้อยเวรสอบสวน ร่วมกับ พันตำรวจโท เสกสรรค์ อุโท รองผู้กำกับ สภ. เมืองศรีสะเกษ ร่วมทำการสอบสวน ลงบันทึกประจำวัน และเป็นพยานในการคืนเงินของนายพงษ์พัฒน์ ให้กับบริษัท โดยมีข้อแม้ว่าบริษัทจะต้องตามชื่อ-นามสกุล ที่อยู่ของผู้ที่ส่งของมาให้นายพงษ์พัฒน์ เพื่อมาแจ้งกับพนักงานสอบสวนในการติดตามเรียกเงินคืนต่อไป


บุญทัน ธุศรีวรรณ … ข่าว/ภาพ

error: Content is protected !!