ด่านตม.เชียงแสน รวบคนไทย 2 คน ลักลอบขนคนต่างด้าวชาวจีน หลบหนีเข้าเมือง 3 ราย
ตามนโยบายของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี เรื่องการควบคุมกำกับดูแลชาวต่างชาติที่เข้ามาพำนักอาศัยหรือเข้ามาท่องเที่ยวในประเทศไทย สำนักงานตำรวจแห่งชาติ โดยพล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผบ.ตร. และพล.ต.อ.ดํารงศักดิ์ กิตติประภัสร์ รอง ผบ.ตร. มอบหมายให้ สตม. ดำเนินการตรวจสอบชาวไทยและชาวต่างชาติที่มีพฤติกรรมไม่เหมาะสมในขณะที่พำนักอาศัยอยู่ในประเทศไทย กระทำผิดกฎหมาย ก่อเหตุอันตรายต่อความสงบสุขและความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของประชาชน ทำให้เกิดความเสียหายต่อภาพลักษณ์ของประเทศ หรือกลุ่มคนร้ายข้ามชาติที่เข้ามาแฝงตัวอยู่ก่อเหตุกับคนไทยหรือชาวต่างชาติ โดยใช้ประเทศไทยเป็นฐานในการกระทำความผิด สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง โดยเมื่อ
วันที่ 9 ก.พ.64 เวลา 10.30 น. ณ ห้องอเนกประสงค์ ชั้น1 อาคาร 1 สตม.(สวนพลู) สาทร กทม. : พล.ต.ท.สมพงษ์ ชิงดวง ผบช.สตม. พร้อมด้วย พล.ต.ต.พรชัย ขันตี รอง ผบช. สตม., พล.ต.ต.เดชา กัลยาวุฒิพงศ์ ผบก.ตม 5, พ.ต.อ.เอกกร บุษบาบดินทร์ รอง ผบก.ตม.5, พ.ต.อ.เศรษฐภัทร ณ สงขลา ผกก.สส.บก.ตม.5 และ พ.ต.อ.มณุวัฒน์ กอสนาน ผกก.ด่าน ตม.เชียงแสน ร่วมแถลงข่าว ดังนี้
เจ้าหน้าที่ด่านตม.เชียงแสน และเจ้าหน้าที่กก.สส.บก.ตม. 5 ได้สืบทราบว่าจะมีการขนคนต่างด้าวจาก สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว เข้ามาในราชอาณาจักรไทย ด้าน อ.เชียงแสน จ.เชียงราย จึงทำการสืบสวนพบรถยนต์ ยี่ห้อโตโยต้า รุ่นฟอจูนเนอร์ สีเทา ทะเบียน พิษณุโลก มีกลุ่มคน จำนวน 3 คน กำลังขึ้นรถคันดังกล่าว ชุดสืบสวนจึงได้แสดงตัวเข้าตรวจสอบ พบคนต่างด้าวสัญชาติจีน 3 ราย คือ MR.CAI (นายไช) อายุ 29 ปี สัญชาติจีน,MR.SU (นายซู) อายุ 28 ปี สัญชาติจีน และ MR.LI (นายลี) อายุ 28 ปี สัญชาติจีน (ทราบชื่อภายหลัง) ไม่มีหนังสือเดินทางหรือเอกสารอื่นที่ใช้แทนหนังสือเดินทางมาแสดงแต่อย่างใด ได้ลักลอบเข้ามาในราชอาณาจักรโดยใช้พาหนะซึ่งเป็นเรือมาจาก สปป.ลาว ผ่านบริเวณช่องทางธรรมชาติ บ้านสวนดอก อ.เชียงแสน จ.เชียงราย โดยมี นายธาราพงค์ อายุ 46 ปี สัญชาติไทย เป็นคนขับเรือดังกล่าว จากการสอบปากคำ นายธาราพงค์ฯ ในเบื้องต้นได้ให้ถ้อยคำว่า ได้ขับรถยนต์ ยี่ห้อ โตโยต้า รุ่นฟอจูนเนอร์ สีเทา ทะเบียนพิษณุโลก มารอรับคนต่างด้าวไปส่งยัง จ.สระแก้ว โดยคิดค่าจ้าง จำนวน 15,000 บาท ต่อเที่ยว จึงจับกุมและควบคุมตัวส่งพนักงานสอบสวน สภ.บ้านแซว จ.เชียงราย ดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
โดยกล่าวหา นายธาราพงค์ฯ ว่า “ซ่อนเร้น หรือช่วยด้วยประการใดๆ ให้คนต่างด้าวหลบหนีเข้าเมืองโดยผิดกฎหมายพ้นจากการจับกุม” และกล่าวหา คนสัญชาติจีนทั้ง 3 ราย กล่าวหาว่า “เป็นคนต่างด้าวเดินทางเข้ามาและอยู่ในราชอาณาจักรโดยไม่ได้รับอนุญาต,ฝ่าฝืนข้อกำหนดออกตามความมาตรา 8 แห่ง พ.ร.ก.การบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ.2548 และฝ่าฝืนคำสั่งผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย (พ.ร.บ.ควบคุมโรค พ.ศ.2558)”
ต่อมาเจ้าหน้าที่ชุดสืบสวนขยายผลด่านตรวจคนเข้าเมืองเชียงแสน ร่วมกับเจ้าหน้าที่กองกำกับการสืบสวนสอบสวน กองบังคับการตรวจคนเข้าเมือง 5 ได้ทำการสืบสวนขยายผล ทราบว่าบุคคลที่นำคนต่างด้าวสัญชาติจีนทั้ง 3 ราย ข้ามมาจาก สปป.ลาว คือนายณรงค์ฯ อายุ 48 ปี สัญชาติไทย อยู่บ้านใน ต.บ้านแซว อ.เชียงแสน จ.เชียงราย พนักงานสอบสวน สภ.บ้านแซว ได้รวบรวมพยานหลักฐานเสนอขออนุมัติหมายจับต่อศาลจังหวัดเชียงราย ในข้อหา “รู้ว่าคนต่างด้าวเข้ามาในราชอาณาจักรโดยผิดกฎหมาย ให้เข้าพักอาศัย ซ่อนเร้นหรือช่วยด้วยประการใดๆ เพื่อให้คนต่างด้าวนั้นพ้นจากการจับกุม”
ซึ่งต่อมาได้นำหมายจับศาลจังหวัดเชียงราย ที่ 9/2564 ลง 25 ม.ค.64 เดินทางไปที่ ต.บ้านแซว อ.เชียงแสน จ.เชียงราย เข้าทำการจับกุมตัวนายณรงค์ วิทยาลัย ผู้ต้องหาตามหมายจับ ในข้อหา “รู้ว่าคนต่างด้าวเข้ามาในราชอาณาจักรโดยผิดกฎหมาย ให้เข้าพักอาศัย ซ่อนเร้นหรือช่วยด้วยประการใดๆ เพื่อให้คนต่างด้าวนั้นพ้นจากการจับกุม” จึงได้ควบคุมตัว นำส่ง พงส.สภ.บ้านแซว เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
พ.ต.อ.มณุวัฒน์ฯ ขอเรียนให้ท่านทราบว่า สตม. มีมาตรการในการตรวจสอบ กวดขัน และปราบปรามการกระทำความผิดตาม พ.ร.บ.คนเข้าเมืองฯ และการกระทำความผิดในกฎหมายอื่น การประสานความร่วมมือกับหน่วยงาน ที่เกี่ยวข้อง และประเทศเพื่อนบ้าน ให้บริการช่วยเหลือประชาชนที่ได้รับความเดือดร้อน รวมทั้งดำเนินการตรวจสอบชาวต่างชาติที่มีพฤติกรรมไม่เหมาะสมอย่างต่อเนื่อง หากพบการกระทำผิดกฎหมาย การก่อเหตุอันตรายใดๆอันกระทบต่อความสงบสุขและความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของประชาชน อันอาจทำให้เกิดความเสียหาย ต่อภาพลักษณ์ของประเทศชาติ กรุณาแจ้งเบาะแสการกระทำความผิดมายัง สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง เลขที่ 507 ซ.สวนพลูแขวงทุ่งมหาเมฆ เขตสาทร กรุงเทพฯ 10120 หรือหมายเลขโทรศัพท์ 1178 หรือที่ www.immigration.go.th จักขอบพระคุณเป็นอย่างสูง
สุรเชษฐ ศิลานนท์ รายงาน