ข่าวใหม่อัพเดท » สืบสวน บช.น.ร่วมกับ สน.บางขุนเทียน บก.น.9 รวบ ผู้ต้องหา 21 ราย ร่วมกันฉ้อโกงโครงการ “คนละครึ่ง”

สืบสวน บช.น.ร่วมกับ สน.บางขุนเทียน บก.น.9 รวบ ผู้ต้องหา 21 ราย ร่วมกันฉ้อโกงโครงการ “คนละครึ่ง”

24 กุมภาพันธ์ 2021
0

สืบสวน บช.น.ร่วมกับ สน.บางขุนเทียน บก.น.9 รวบ ผู้ต้องหา 21 รายร่วมกันฉ้อโกงโครงการ “คนละครึ่ง”

จากกรณี พ.ต.อ.กฤษณะ พัฒนเจริญ โฆษกกองบัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญา กรรมทางเทคโนโลยี (บช.สอท.) เผยถึงกรณีที่ พล.ต.อ.สุวัฒน์ เเจ้งยอดสุข ผบ.ตร.ห่วงใยเรื่องสื่อสังคมออนไลน์นำเสนอประเด็นกลโกง “เราชนะ” รับ ซื้อ-ขาย สิทธิ์ โดย ชาวเน็ตให้ข้อมูลร้านค้าหลายแห่งที่เปิดให้ประชาชนแลกเงินในโครงการต่างๆ ตามที่นำเสนอไปแล้วนั้น

วันที่ 23 ก.พ.64 เวลา 14.30 น. ที่สน.บางขุนเทียน : พ.ต.อ.ธีระชัย ชำนาญหมอ รอง ผบก. สส.บช.น. พร้อมด้วย พ.ต.อ.นครินทร์ สุคนธวิท รอง ผบก.น.9 และ พ.ต.อ.วิศิษฐ์ สังขนันท์ ผกก.สน.บางขุนเทียน ร่วมกันแถลงข่าวผลการดำเนินคดีผู้ต้องหา 21 คน ฐานฉ้อโกง หลังสืบทราบว่า มีการใช้สิทธิ์ตามโครงการคนละครึ่งอย่างผิดกฎหมายไม่ตรงตามนโยบายที่รัฐบาลกำหนด

พ.ต.อ.ธีระชัยฯ เผยว่า บก.สส.บช.น.ได้รับข้อมูลจากสำนักเศรษฐกิจ กระทรวงการคลัง ว่า มีร้านขายของชำร้านหนึ่ง ตั้งอยู่เลขที่ 725 ถนนเอกชัยซอย 46 แขวงและเขตบางบอน กทม. ซึ่งร้านค้าดังกล่าวลงทะเบียนร่วมโครงการคนละครึ่ง กับกระทรวงการคลัง และธนาคารกรุงไทย ต่อมาการสืบสวนพบว่า รายละเอียดการสแกนซื้อสินค้าและจ่ายเงินมีความผิดปกติ โดยมีการโอนเงินเข้า-ออกจากแอพพลิเคชั่น แต่ไม่มีการซื้อสินค้ากันจริงๆ ซึ่งถือว่าไม่เป็นไปตามวัตถุประสงค์และทำให้รัฐบาลได้รับความเสียหาย

ทั้งนี้ล่าสุดการสืบสวนจนกระทั่งพบผู้กระทำความผิดลักษณะเดียวกันในพื้นที่ต่างๆ ทั่วประเทศมีอยู่ทุกภาค แต่ในท้องที่ บช.น.พบ 21 ราย ในท้องที่ สน.บางขุนเทียน มีการทำผิดกันหลายกรรมหลายวาระ จึงเดินทางมาแจ้งความกับทางสน.บางขุนเทียน และดำเนินการกับผู้ต้องหาทั้ง 21 ราย ตามกฎหมายอย่างถึงที่สุด

ด้าน พ.ต.อ.นครินทร์ฯ กล่าวว่า ผู้ต้องหาทั้ง 21 คน นั้น ประกอบด้วย เจ้าของร้านขายของชำ 1 ราย ญาติๆ 3 ราย และลูกค้า 17 ราย จากการสืบสวนหาพฤติกรรมของผู้กระทำความผิดพบว่า แต่ละคนมีการสแกนซื้อสินค้าหลอกๆ เพื่อนำเงิน 150 บาท จากโครงการคนละครึ่ง มาใช้จริง โดยร้านค้าจะจ่ายให้ลูกค้า 100 บาท และเจ้าของร้านจะเก็บไว้เอง 50 บาท ผู้กระทำความผิดแต่ละรายสแกนแลกเงินกันหลายครั้ง หลายวาระ

ซึ่งขณะนี้ดำเนินการสอบสวน รอออกหมายเรียกตัวทั้ง 21 ราย เข้าพบพนักงานสอบสวนในข้อหาฉ้อโกงแล้ว ซึ่งมีอัตราโทษจำคุกไม่เกิน 3 ปี ปรับไม่เกิน 60,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ กรณีมีการทำผิดหลายกรรม หลายครั้ง โทษรวมกันก็จะสูงขึ้นไปอีก ดังนั้นอยากฝากบอกประชาชนและเจ้าของร้านทุกท่านด้วยว่าอย่าโกงกัน เนื่องจากมีโทษหนักและจะซ้ำเติมความเดือดร้อนเข้าไปอีก


สุรเชษฐ ศิลานนท์ รายงาน

error: Content is protected !!