ข่าวใหม่อัพเดท » ปคบ.ตามจับหมอเถื่อน ฉีดฟิลเลอร์ จนคนไข้ตาบอด​

ปคบ.ตามจับหมอเถื่อน ฉีดฟิลเลอร์ จนคนไข้ตาบอด​

1 มีนาคม 2021
0

วันที่ 28 ก.พ.64 : พล.ต.ต.ณัฐศักดิ์ เชาวนาศัย ผบก.ปคบ. พร้อมด้วย พ.ต.อ.ศารุติ แขวงโสภา, พ.ต.อ.ชนันนัทธ์ สารถวัลย์แพศย์ รอง ผบก.ปคบ., พ.ต.อ.เนติ วงษ์กุหลาบ ผกก.4 บก.ปคบ., พ.ต.ท.สุพจน์ พุ่มแหยม, พ.ต.ท.จตุรงค์ ผลเกิด รอง ผกก.4 บก.ปคบ., พ.ต.ท.นิธิ ตรีสุวรรณ สว.กก.4 บก.ปคบ. นำกำลังเข้าจับกุมนายธนพิพัฒน์ฯ หรือ ฉายา “หมอดั้ม” (ขอสงวนนามสกุล) อายุ 41 ปี ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญาที่ 2530/2558 ลงวันที่ 17 ธันวาคม 2558 ในความผิดฐาน “กระทำโดยประมาทเป็นเหตุให้ผู้อื่นได้รับอันตรายสาหัส ประกอบวิชาชีพเวชกรรมโดยไม่ได้รับอนุญาต,ร่วมกันขายยาที่ไม่ได้ขึ้นทะเบียนตำรับยา,ร่วมกันขายยาแผนปัจจุบันโดยไม่ได้รับอนุญาต” โดยสามารถจับได้บริเวณหน้าบ้านไม่มีเลขที่ กลางซอยหนองใหญ่ 14 ต.นาเกลือ อ.บางละมุง จ.ชลบุรี

นายธนพิพัฒน์ฯ ได้ทำงานอยู่ในคลินิกเสริมความงามแห่งหนึ่งย่านดินแดง ทำหน้าที่รักษาและฉีดฟิลเลอร์ โบท็อกซ์ ให้กับลูกค้าทั่วไป ต่อมาได้มีผู้เสียหาย จำนวน 2 ราย เดินทางไปรักษาที่คลินิกดังกล่าว

  • รายแรก เมื่อวันที่ 14 พ.ค.57 นายธนพิพัฒน์ฯ ได้ทำการฉีดฟิลเลอร์ให้กับผู้เสียหายที่บริเวณร่องแก้ม และฉีดโบท๊อกซ์ที่บริเวณหน้าผากและบริเวณกราม หลังจากฉีดเสร็จผู้เสียหายรู้สึกปวดแสบปวดร้อนทั่วใบหน้า วันต่อมาพบว่าบริเวณจมูกมีอาการอักเสบและมีหนองไหลออกมา
  • รายที่ 2 เมื่อวันที่ 23 พ.ค.57 ได้ทำการฉีดโบท๊อกซ์ให้ผู้เสียหายที่บริเวณแก้ม 1 ยูนิต และฉีดฟิลเลอร์ที่จมูก 2 ซีซี หลังจากนั้นผู้เสียหายรู้สึกปวดที่สันจมูกระหว่างดวงตาทั้งสองข้าง โดยดวงตาขวามีน้ำตาไหลออกมา และรู้สึกว่าดวงตาข้างขวามองไม่เห็น จากนั้นรู้สึกแน่นหน้าอกและช่องท้อง ก่อนจะอาเจียนออกมา ต่อมาดวงตาข้างขวาผู้เสียหายได้บอดสนิท

ทั้งนี้ผู้เสียหายทั้ง 2 ราย ได้แจ้งความร้องทุกข์กับพนักงานสอบสวน กก.4 บก.ปคบ. ประกอบกับได้รับการประสานงานจาก กรมสนับสนุนบริการสุขภาพ กระทรวงสาธารณสุข (สบส.) และเจ้าหน้าที่สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) ได้รับเรื่องร้องเรียนดังกล่าวด้วย จึงได้ร่วมกันนำหมายค้นศาลแขวงพระนครเหนือ ที่ ค.26/2557 ลงวันที่ 30 พ.ค.57 ไปทำการตรวจค้นคลินิกดังกล่าว เมื่อไปถึงพบว่าคลินิกดังกล่าวปิดล็อคกุญแจไว้ ผลการตรวจค้นไม่พบผู้ใดอยู่ในคลินิก แต่พบยาแผนปัจจุบันที่มีทะเบียนตำรับยาและไม่มีทะเบียนตำรับยา จำนวน 17 รายการ และพบเอกสาร อุปกรณ์ที่ใช้ในสถานพยาบาล จำนวน 33 รายการ จึงได้ตรวจยึดไว้เป็นของกลาง

จากนั้นได้ตรวจสอบใบอนุญาตประกอบกิจการสถานพยาบาล จากสำนักสถานพยาบาลและการประกอบโรคศิลปะ กรมสนับสนุนบริการสุขภาพ ปรากฏว่าไม่พบการอนุญาตให้ประกอบกิจการสถานพยาบาลดังกล่าว และตรวจสอบรายชื่อผู้ประกอบวิชาชีพเวชกรรม ไม่ปรากฏชื่อของ นายธนพิพัฒน์ ในทะเบียนผู้ประกอบวิชาชีพเวชกรรมของแพทยสภา แต่อย่างใด พนักงานสอบสวนจึงได้รวบรวมพยานหลักฐานเพื่อขอหมายจับผู้ต้องหาต่อศาล ภายหลังได้สืบทราบว่าได้มาหลบหนีอยู่ที่บ้านดังกล่าว จึงนำกำลังจับกุม ก่อน

เบื้องต้นนายธนพิพัฒน์ฯ ให้การรับสารภาพตลอดข้อกล่าวหา ก่อนนำตัวส่งให้พนักงานสอบสวนกก.4 บก.ปคบ.ดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป


สุรเชษฐ ศิลานนท์ รายงาน

error: Content is protected !!