ตม.3 จับพม่านำคนต่างด้าวเข้ามาในราชอาณาจักรฯ และมียาเสพติด,พม่าช่วยเหลือซ่อนเร้นฯ และรวบกัมพูชาตามหมายจับคดีข่มขืน
วันที่ 14 มี.ค.64 เวลา 13.30 น. ณ ห้องอเนกประสงค์ ชั้น 1 อาคาร 1 สตม.(สวนพลู) แขวงทุ่งมหาเมฆ เขตสาทร กรุงเทพมหานคร : พล.ต.ท.สมพงษ์ ชิงดวง ผบช.สตม.พร้อมด้วยพล.ต.ต.รุ่งโรจน์ ฐากูรปุณยสิริ ผบก.ตม.3, พ.ต.อ.รัชธพงศ์ เตี้ยสุด, พ.ต.อ.หฤษฎ์ เอกอุรุ รอง ผบก.ตม.3, พ.ต.อ.สุทธิพงษ์ พุทธิพงษ์ ผกก.ตม.จ.ประจวบคีรีขันธ์ และว่าที่ พ.ต.อ.จิรพงศ์ รุจิรดำรงค์ชัย ผกก.สส.บก.ตม.3 ร่วมแถลงข่าว จำนวน 3 ราย ดังนี้
รายที่ 1 จับกุมเมียนมาร์นำพาคนต่างด้าวเข้ามาในราชอาณาจักร พร้อมคนต่างด้าว 22 คน จับกุมนาย นาย อายุ 33 ปี, นาย เทห์ อายุ 43 ปี สัญชาติเมียนมาร์ และบุคคลต่างด้าวสัญชาติเมียนมาร์ รวมจำนวน 11 คน พร้อมด้วยของกลาง ยาบ้า จำนวน 11 เม็ด, (ไอซ์) ชนิดเกล็ด น้ำหนักรวมประมาณ 0.13 กรัม (รวมหลอด) และโทรศัพท์มือถือ ยี่ห้อ วีโว่ สีดำ 1 เครื่อง
โดยแจ้งข้อกล่าวหาว่า นาย นายฯ กระทำความผิดฐาน “มียาเสพติดให้โทษประเภท 1 (ยาบ้า) ไว้ในความครอบครองโดยผิดกฎหมาย และร่วมกันนำหรือพาคนต่างด้าวเข้ามาในราชอาณาจักร หรือกระทำการด้วยประการใดๆ อันเป็นการอุปการะหรือช่วยเหลือ หรือให้ความสะดวกแก่คนต่างด้าว ให้เข้ามาในราชอาณาจักรโดยผิดกฎหมาย และเป็นบุคคลต่าง ด้าวเดินทางเข้ามา และอาศัยอยู่ในราชอาณาจักรไทยโดยไม่ได้รับอนุญาต” และแจ้งข้อกล่าวหา นายเท่ห์ฯ กระทำความผิดฐาน “ร่วมกันนำหรือพาคนต่างด้าวเข้ามาในราชอาณา จักร หรือกระทำการด้วยประการใดๆ อันเป็นการอุปการะหรือช่วยเหลือ หรือให้ความสะดวกแก่คนต่างด้าวให้เข้ามาในราชอาณาจักรโดยผิดกฎหมาย และเป็นบุคคลต่างด้าวเดินทางเข้ามาและอาศัยอยู่ในราชอาณาจักรไทยโดยไม่ได้รับอนุญาต”
และจับกุม นายเอ้ฯ อายุ 19 ปี สัญชาติเมียนมาร์ พร้อมด้วยบุคคลต่างด้าวสัญชาติเมียนมา จำนวน 11 คน โดยแจ้งข้อกล่าวหาแก่นายเอ้ฯ ว่า “นำหรือนำพาคนต่างด้าวเข้ามาในราชอาณาจักร หรือกระทำการด้วยประการใดๆ อันเป็นการอุปการะหรือช่วยเหลือ หรือให้ความสะดวกแก่คนต่างด้าวให้เข้ามาในราชอาณาจักรโดยผิดกฎหมาย และเป็นบุคคลต่างด้าวเดินทางเข้ามาและอาศัยอยู่ในราชอาณาจักรไทยโดยไม่ได้รับอนุญาต” ส่วนบุคคลต่างด้าวจำนวน 22 คน ได้ทำบันทึกส่งมอบตัวเพื่อให้ พนักงานสอบสวน ร่วมกับพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ ทำการคัดแยกเหยื่อ ตาม พ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการค้ามนุษย์ เพื่อดำเนินการต่อไป
คดีดังกล่าวสืบเนื่องมาจากเจ้าพนักงานชุดจับกุม ได้รับแจ้งจากแหล่งข่าวว่าพบบุคคลไม่ทราบสัญชาติลักลอบหลบหนีเข้ามาในราชอาณาจักรทางช่องทางธรรมชาติ บริเวณภายในสวนปาล์มน้ำมัน ต.อ่าวน้อย อ.เมือง จ.ประจวบคีรีขันธ์ เจ้าหน้าที่ชุดจับกุมจึงได้บูรณาการสนธิกำลังร่วมกับฝ่ายความมั่นคงเข้าไปตรวจสอบตามที่สายลับแจ้ง ต่อมาได้พบบุคคลลักษณะคล้ายบุคคลต่างด้าวเดินกันเป็นกลุ่มสะพายสัมภาระกำลังเดินออกจากชายป่าช่องทางธรรมชาติช่องเขาหลัก เข้ามาในสวนปาล์ม ต.อ่าวน้อย อ.เมือง จ.ประจวบคีรีขันธ์ ชุดจับกุมจึงได้ทำการปิดล้อม โดยสามารถจับกุมได้ทั้งหมด 25 คน จากการสอบสวน
กระทั่งทราบว่า ได้แบ่งการเดินทางเข้ามาเป็น 2 ชุดๆ แรกมี นาย นายฯ และนายเท่ห์ฯ เป็นคนนำทาง และชุดที่ 2 มีนาย เอ้ฯ เป็นคนนำทาง ซึ่งทั้ง 3 คน เป็นบุคคลต่างด้าวสัญชาติเมียนมาร์ มีภูมิลำเนาอยู่ที่ บ้านมูดอง ประเทศเมียนมาร์ ซึ่งหมู่บ้านติดกับชายแดนด่านสิงขร ให้ การว่าได้รับการติดต่อจากนาย ทงซอฯ สัญชาติเมียนมาร์ ซึ่งอาศัยอยู่ในจังหวัดประจวบคีรี ขันธ์ ประเทศไทย โดยนาย ทงซอฯ ให้พวกตนนำทางให้กับบุคคลต่างด้าว จำนวน 22 คน ซึ่งจะเดินทางเข้ามายังประเทศไทยเพื่อไปหางานทำ โดยพวกตนจะได้รับเงินค่าจ้างจากนาย ทงซอฯ เป็นรายบุคคลคนละ 500 บาท โดยพวกตนได้นัดให้รวมตัวกันที่ บ.มูด่อง ประเทศเมียนมาร์ และได้เดินเท้านำบุคคลต่างด้าวดังกล่าวเข้ามาในราชอาณาจักรไทย โดยใช้ช่องทางธรรมชาติช่องเขาหลัก ต.อ่าวน้อย อ.เมือง จ.ประจวบคีรีขันธ์ และมาถึงฝั่งประเทศ ไทยเวลาประมาณ 19.00 น. จนกระทั่งมาถูกเจ้าหน้าที่จับกุมตัวได้ในที่สุด เจ้าหน้าที่ชุดจับกุมจึงได้ทำการควบคุมต้ว และประสานเจ้าหน้าที่สาธารณสุขจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ทำการเก็บสารคัดหลั่งเพื่อตรวจหาเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 และได้ทำบันทึกจับกุมตัวนำส่ง พงส.สภ.อ่าวน้อย เพื่อดำเนินการตามกฎหมายต่อไป
รายที่ 2 จับกุมเมียนมาร์ ช่วยเหลือซ่อนเร้นฯ พร้อมยึดรถยนต์ 1 คัน โดยชุดสืบสวนตม.จ. ประจวบคีรีขันธ์ ได้บูรณาการร่วมกับหน่วยงานความมั่นคง ในการลาดตระเวนเส้นทางแนวชายแดน เพื่อป้องกันและปราบปรามการลักลอบการหลบหนีเข้าเมือง กระทั่งมาถึงบริเวณสันแดน หมู่ที่ 6 ต.คลองวาฬ อ.เมือง จ.ประจวบคีรีขันธ์ ได้พบกับรถยนต์กระบะ ยี่ห้อโตโยต้าแบบตอนครึ่ง สีเขียว หมายเลขทะเบียนประจวบคีรีขันธ์ ซึ่งมีบุคคลต่างด้าวนั่งมาหลังกระบะจำนวนหลายคน ท่าทางมีพิรุธ จึงส่งสัญญาณให้หยุดรถ และขอทำการตรวจสอบเอกสารการเดินทางเข้ามาและอยู่ในราชอาณาจักร โดยมีคนขับรถทราบชื่อต่อมาคือ นาย ZAW สัญชาติเมียนมาร์ ให้การว่าได้ไปรับชาวเมียนมาร์ทั้งหมด ซึ่งแอบลักลอบเดินทางเข้ามาจากฝั่งเมียนมาร์ ทางช่องทางธรรมชาติ เพื่อไปทำงานที่ จ.สุราษฏร์ธานี โดยให้ตนรับไปส่งที่ปั้มปตท.บ้านต้นเกด ต.ห้วยทราย อ.เมือง จ.ประจวบคีรีขันธ์
โดยจะมีคนมารับอีกทอดหนึ่งเพื่อเดินทางไปยังจังหวัดสุราษฎร์ธานี โดยตนได้ค่าจ้างจากนาย เยนายฯ คนละ 2,000 บาท จากการตรวจสอบพบว่าบุคคลทั้งหมด เป็นบุคคลต่างด้าวสัญชาติเมียนมาร์ ไม่มีเอกสารหลักฐานมาแสดงให้เจ้าหน้าที่ตรวจสอบได้แต่อย่างใด จึงได้ทำการควบคุมตัวไปกักตัวที่ค่าย ตชด.146 ต่อมาได้ประสานสาธารณสุข เพื่อทำการตรวจสารคัดหลั่ง เพื่อหาเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 ผลการตรวจทั้งหมดเป็นลบ จึงได้แจ้งข้อกล่าวหาให้นาย ZAW ว่า “ช่วยเหลือซ่อนเร้นหรือช่วยด้วยประการใดๆ เพื่อให้คนต่างด้าวเข้ามาในราชอาณาจักร โดยฝ่าฝืนพ.ร.บ.คนเข้าเมือง พ.ศ.2522 เพื่อให้พ้นจากการจับกุม และแจ้งข้อกล่าวหาแก่บุคคลต่างด้าวจำนวน 6 คนว่า “เดินทาง เข้ามาและอยู่ในราชอาณาจักรโดยไม่ได้รับอนุญาต (หลบหนีเข้าเมือง)” พร้อมทั้งได้ทำการตรวจยึดรถยนต์กระบะยี่ห้อโตโยต้า หมาย เลขทะเบียนประจวบคีรีขันธ์ นำส่งพงส.สภ.คลองวาฬ เพื่อดำเนินคดัตามกฎหมายต่อไป
รายที่ 3 จับกุมผู้ต้องหาสัญชาติกัมพูชา ตามหมายจับคดีข่มขืนด้วยเรือยนต์ตรวจการณ์ โดยจับกุม นายยังโก ขอสงวนนามสกุล อายุ 39 ปี สัญชาติกัมพูชา บุคคลตามหมายจับของศาลจังหวัดเพชรบุรี ที่ 35/2564 ลง 18 ก.พ.64 ข้อหา “กระทำชำเราเด็กอายุไม่เกินสิบสามปีซึ่งมิใช่ภรรยาหรือสามีของตน โดยเด็กนั้นจะยินยอมหรือไม่ก็ตาม” ด้วยเรือยนต์ตรวจการณ์ สตม.
สืบเนื่องมาจาก ได้รับการประสานจาก สภ.ชะอำ ว่านายยังโก ขอสงวนนามสกุล อายุ 39 ปี สัญชาติกัมพูชา บุคคลตามหมายจับของศาลจังหวัดเพชรบุรี ที่ 35/2564 ลง 18 ก.พ.64 ในข้อหา “กระทำชำเราเด็กอายุไม่เกินสิบสามปีซึ่งมิใช่ภรรยาหรือสามีของตน โดยเด็กนั้นจะยินยอมหรือไม่ก็ตาม” ภายหลังก่อเหตุได้หลบหนีมาทำงานเป็นลูกเรือประมงจึงได้นำเรือตรวจการณ์ออกตรวจสอบค้นหาและพบเรือดังกล่าวที่พิกัด บริเวณแลตติจูด 12 องศา 19.324 N ลองติจูด 100 องศา 06.945 E จึงได้แสดงตัวเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจพร้อมทั้งเรียกให้เรือหยุดเพื่อขอทำการตรวจค้น ผลการตรวจค้นพบตัวนายยังโกฯ บุคคลตามหมายจับ และนายยังโกฯ ให้การยอมรับว่าเป็นบุคคลตามหมายจับดังกล่าว จึงแจ้งข้อกล่าวหาในฐานความผิด “กระทำชำเราเด็กอายุไม่เกินสิบสามปี ซึ่งมิใช่ภรรยาหรือสามีของตน โดยเด็กนั้นจะยิน ยอมหรือไม่ก็ตาม” ในชั้นจับกุมผู้ต้องหาให้การปฏิเสธและขอให้การในชั้นพนักงานสอบสวน แต่ยอมรับว่าตนเองเป็นเป็นบุคคลตามหมายจับจริง ชุดจับกุมได้ทำบันทึกจับกุมตัวนำส่ง พงส.สภ.ชะอำ เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
พล.ต.ต.รุ่งโรจน์ฯ ขอเรียนให้ท่านทราบว่า สตม.มีมาตรการในการตรวจสอบ กวดขัน และปราบปรามการกระทำความผิดในด้านต่างๆ หากประชาชนท่านใดพบเห็นเบาะแสการกระทำความผิด กรุณาแจ้งมายัง สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง เลขที่ 507 ซ.สวนพลู แขวงทุ่งมหาเมฆ เขตสาทรกรุงเทพมหานคร 10120 หรือที่หมายเลขโทรศัพท์ 1178 หรือที่ www.immigration.go.th จักขอบพระคุณเป็นอย่างยิ่ง
สุรเชษฐ ศิลานนท์ รายงาน