“วัชระ” กังขา (ป.ป.ช.) มีมติลงโทษเบาหวิว “สรศักดิ์” รับ 2 เด้งนำรถราชการไปใช้โดยมิชอบ แถมยังเบิกเงินค่าตอบแทนอีกเกือบ 2 ล้านบาท
วันที่ 28 มี.ค.64 : นายวัชระ เพชรทอง อดีตส.ส.ประชาธิปัตย์ เปิดเผยว่า สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ หรือ (ป.ป.ช.) ได้มีหนังสือตอบมายังตน กรณีที่ยื่นหนังสือร้องเรียนนายสรศักดิ์ เพียรเวช อดีตเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร เมื่อวันที่ 30 กันยายน 2563 จากการที่นายสรศักดิ์ฯ ได้ปฎิบัติหน้าที่โดยมิชอบ ด้วยการนำรถรับรองของราชการไปใช้ปฎิบัติหน้าที่ แต่ยังขอรับค่าตอบแทนเหมาจ่ายแทนการจัดรถประจำตำแหน่งอีกเดือนละ 41,000 บาทเป็นเวลา 4 ปี คิดเป็นเงินจำนวน 1,968,000 บาท โดยมีนางสาวมณฑา น้อยแย้ม ผู้อำนวยการสำนักการคลังและงบประมาณ สำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฏร หน้าห้องคนสนิทของนายสรศักดิ์ฯ เป็นผู้อนุมัติ ซึ่งคณะกรรมการ (ป.ป.ช.) พิจารณาแล้วมีมติส่งเรื่องให้นายชวน หลีกภัย ประธานสภาผู้แทนราษฎร พิจารณาลงโทษทางวินัยนายสรศักดิ์ฯ แล้ว แต่จนบัดนี้สภาฯยังไม่ได้ตั้งคณะกรรมการสอบสวนวินัยอย่างร้ายแรงต่อนายสรศักดิ์ฯ แต่อย่างใด
นายวัชระฯ ได้ตั้งข้อสังเกตว่า มีข้าราชการสภาได้แจ้งให้ตนทราบก่อนแล้วว่าเรื่องนี้ (ป.ป.ช.) ได้สรุปว่าเป็นความผิดวินัยไม่ร้ายแรง จึงสงสัยในดุลยพินิจของ (ป.ป.ช.) เพราะกรณีอื่นๆ ที่ข้าราชการทำผิดในลัษณะเดียวกัน โดยนำรถหลวงไปใช้น้อยกว่านี้ เหตุใด (ป.ป.ช.) จึงชี้มูลว่าผิดวินัยร้ายแรง ส่วนนายสรศักดิ์ฯ ได้เงินค่ารถประจำตำแหน่งทั้งหมดเป็นเงินถึง 1,968,000 บาท เป็นหัวหน้าส่วนราชการที่ออกกฎหมายบังคับใช้กับประชาชนทั้งประเทศ กลับประพฤติฉ้อราษฎร์บังหลวงเสียเอง แล้วเรื่องอื่นๆที่ฉาวโฉ่ในสภาฯ จะไม่ย่ามใจมากไปกว่านี้หรือ จึงไม่เห็นด้วยกับคำวินิจฉัยของ (ป.ป.ช.) และจะทำหนังสือถึงพลตำรวจเอกวัชรพล ประสารราชกิจ ประธาน (ป.ป.ช.) เพื่อคัดค้านบทลงโทษสถานเบาต่อไป เพราะไม่เป็นธรรมต่อเพื่อนข้าราชการทั่วประเทศ ไม่เป็นไปตามมาตรฐานเดิมที่ (ป.ป.ช.) เคยไต่สวนและวินิจฉัยไว้ว่ากรณีนี้เป็นความผิดวินัยร้ายแรง นอกจากนี้ยังมีข่าวมาตลอดว่ามีผู้ใหญ่ทางการเมืองโทรศัพท์ขอ (ป.ป.ช.) หลายเรื่อง ซึ่งไม่ทราบว่าเป็นความจริงหรือไม่ (ป.ป.ช.) ต้องเป็นหลักอย่ากระทำการด้วยความเกรงใจในกฎหมาย (ป.ป.ช.) ไม่มีบทบัญญัติคำว่าลูกเกรงใจหรือผู้ใหญ่ขอมาเอาไว้ หากละเว้นหรือ (ป.ป.ช.) กระทำผิดเสียเอง อันนี้มีอยู่ในกฎหมาย (ป.ป.ช.) และประมวลกฎหมายอาญาอย่างแน่นอน
สุรเชษฐ ศิลานนท์ รายงาน