วันอังคารที่ ๓๐ มีนาคม ๒๕๖๔ กำหนดการสัมมนา หัวข้อ “การเสริมสร้างศักยภาพเครือข่ายการเมืองวิถีใหม่” จัดโดย คณะกรรมาธิการการพัฒนาการเมืองและการมีส่วนร่วมของประชาชน วุฒิสภาร่วมกับคณะอนุกรรมาธิการการมีส่วนร่วมของประชาชน ณ อาคารลักขณา ชั้น ๑ โรงแรมลักซ์ บูติค จังหวัดนนทบุรี
- ลงทะเบียนเข้าร่วมการสัมมนา นายพลเดช ปั่นประทึบ โฆษกคณะกรรมาธิการ สมาชิก(วุฒิสภา)
- กล่าวเปิดการสัมมนา โดยนายเสรี สุวรรณภานนท์ ประธานคณะกรรมาริการ สมาชิก(วุฒิสภา)
- การระดมความคาดหวังของผู้เข้ารวมสัมมนา โดย นายบรรหาร บุญเขต อนุกรรมาธิการและประธานคณะทำงานประชาธิปไตยการเมืองวิถีใหม่.นายสุรพงษ์ พรมท้าว คณะอนุกรรมาธิการ และคณะอนุกรรมมาธิการอีกหลายท่าน มาร่วมฟัง ร่วมหารือ จากหลายภาคส่วน 24 จังหวัดภาคกลาง
- การบรรยายเรื่อง “ขับเคลื่อนการเมืองวิถีใหม่โดยภาคประชาชน” โดย นายพลเดช ปิ่นประทึป (สมาชิกวุฒิสภา)โฆษกคณะกรรมาธิการและประธานคณะอนุกรรมาธิการการมีส่วนรวมของประชาชน
- การบรรยายเรื่อง “ขับเคลื่อนการเมืองวิถีใหมโดยภาคประชาชน (ต่อ)แบ่งกลุ่มเพื่อแลกเปลี่ยนเรียนรู้และระดมความคิดเห็น แนวทางการขับเคลื่อนและการสร้างการเมืองวิถีใหมโดยประชาชน
- แลกเปลี่ยนความคิดเห็นหรือซักถาม กล่าวปิดการสัมมนา โดยนายพลเดช ปิ่นประทึป (สมาชิกวุฒิสภา) โฆษกคณะกรรมาธิการ
- โดยมีวัตถุประสงค์
- เพื่อสร้างเครือข่ายทางการเมืองที่มีคุณภาพและคุณธรรมครอบคลุมทั้งประเทศ ทั้งในระดับท้องถิ่นและระดับประเทศ
- เพื่อจุดประกายแนวคิดการเมืองวิถีใหม่ ร่วมปฏิรูปการเมือง ให้กับเครือข่ายการเมืองวิถีใหม่ บูรณาการหลักการประชาธิปไตยชุมชน ประชาธิปไตยท้องถิ่น และประชาธิปไตยตัวแทน
- เพื่อพัฒนาการเมืองไทยอย่างยั่งยืน
- กลุ่มเป้าหมาย จำนวน ๘๐ คน ประกอบด้วย
- คณะกรรมาธิการการพัฒนาการเมืองและการมีส่วนร่วมของประชาชน วุฒิสภา และคณะอนุกรรมาธิการการมีส่วนร่วมของประชาชน
- เครือข่ายภาคประชาชน รูปแบบการจัด
- การบรรยายและระดมความคิดเห็นเกี่ยวกับการเมืองวิถีใหม่
- การแบ่งกลุ่มสัมมนาเพื่อแลกเปลี่ยนเรียนรู้และระดมความคิดเห็นเกี่ยวกับแนวทางการขับเคลื่อนและการสร้างการเมืองวิถีใหม่โดยประชาชน
- ประโยชน์ที่คาดว่าจะได้รับ
- การสร้างเครือข่ายการเมืองวิถีใหม่ครอบคลุมทั่วประเทศ
- นำข้อคิดเห็นและข้อเสนอแนะไปพัฒนาเป็นแนวทางในการขับเคลื่อนการเมืองวิถีใหม่โดยภาคประชาชน งบประมาณ คณะกรรมาธิการการพัฒนาการเมืองและมีส่วนร่วมของประชาชน วุฒิสภา
โครงการสัมมนาหัวข้อ “การเสริมสร้างศักยภาพเครื่อข่ายการเมืองวิถีใหม่” มีหลักการและเหตุผล ด้วยคณะอนุกรรมาธิการการมีส่วนร่วมของประชาชน ในคณะกรรมาธิการการพัฒนาการเมืองและการมีส่วนร่วมของประชาชน วุฒิสภา เห็นว่าเพื่อให้ประเทศไทยสามารถก้าวผ่านความขัดแย้งทางการเมืองซึ่งเป็นปัญหาเรื้อรังของประเทศ จึงเห็นสมควรดำเนินการสร้างเครือข่ายการเมืองวิถีใหม่ เพื่อผลักดันให้เกิดการเมืองเชิงคุณธรรมและจริยธรรม การเมืองเชิงจิตอาสา และเป็นการเมืองของสุภาพชน มุ่งประโยชน์ส่วนรวมเป็นตัวตั้ง และส่งสริมให้เกิดนักการเมืองวิถีใหม่ คือ ผู้อาสาทำงานการเมืองโดยเสียสละ มุ่งมั่นนำความรู้ ความสามารถและความเป็นมืออาชีพของตนมารับใช้ประชาชน และประเทศชาติ โดยไม่หวังผลประโยชน์ตอบแทนและไม่แสวงหาประโยชน์ในทางที่ผิด
หลักการสำคัญของการเมืองวิถีใหม่ คือ
- หลักการ ๕ ต้อง
- ต้อง ยึดมั่นในระบอบการปกครองแบบประชาธิปตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข
- ต้อง ทำงานการเมืองแบบจิตอาสา เป็นผู้ขันอาสาทำงานส่วนรวม ไม่หวังประโยชน์ตอบแทน
- ต้อง เสริมสร้างความรักสามัคคีของคนในชาติและภาคภูมิใจในวัฒนธรรมประเพณีไทย
- ต้อง เชื่อมั่นและสนับสนุนหลักนิติรัฐ เคารพกฎหมาย
- ต้อง มีสปิริตความเป็นนักกีฬา รู้แพ้ รู้ขนะ รู้อภัย รู้ขอโทษและรู้อดทนรอคอย
- หลักการ ๕ ต้องไม่
- ต้องไม่ ทำให้เกิดการแบ่งขั้วแยกฝ่ายทางการเมืองจนบ้านเมืองแตกแยก
- ต้องไม่ สร้างหรือใช้ข้อมูลเท็จหรือข่าวปลอม (Fake News) เพื่อผลประโยชน์ทางการเมือง
- ต้องไม่ สร้างหรือใช้วาทกรรมที่สร้างความเกลียดชังในสังคม (Hate Speech)
- ต้องไม่ ใช้ตำแหน่งและสถานะทางการเมืองไปกระทำทุจริตและประพฤติมิชอบ
- ต้องไม่ กระทำและไม่สนับสนุนการทำผิดหรือละเมิดกฎหมาย
อนึ่ง หากได้ส่งเสริมให้มีการสร้างเครือข่ายการเมืองวิถีใหม่ในทุกจังหวัดของประเทศไทย
ก็จะเป็นการสร้างกลไกที่สำคัญในการเผยแพร่หลักการสำคัญของการเมืองวิถีใหม่เบื้องตัน
อย่างกว้างขวาง และเปลี่ยนแปลงให้ประชาชนเข้าใจการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขและเข้าไปมีส่วนร่วมทางการเมืองอย่างถูกต้อง ด้วยเหตุผลข้างต้น คณะกรรมาธิการการพัฒนาการเมืองและการมีส่วนร่วมของประชาชน วุฒิสภา และคณะอนุกรรมาธิการมีส่วนร่วมของประชาชน จึงเห็นเป็นโอกาสอันเหมาะสมในการจัดการสัมมนา “การเสริมสร้างศักยภาพเครือข่ายการเมืองวิถีใหม่” เพื่อที่จะสร้างเครือข่ายการเมืองวิถีใหม่ อันจะเป็นรากฐานในการพัฒนาการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขให้ยั่งยืนสืบไป