จนท.เทศกิจ เขตพระนคร พร้อม จนท.ตำรวจสน.พระราชวัง ตรวจสอบความพร้อมตลอดเเนวถนนเส้นทางเสด็จ เนื่องใน วันจักรี 6 เมษายน
วันที่ 6 เม.ย.64) เวลา 09.45 น. : นายสุรเดช อำนวยสาร ผู้อำนวยการเขตพระนคร มอบหมายให้ นายสัมฤทธิ์ สุมาลี ผู้ช่วยผู้อำนวยการเขตพระนคร สั่งการให้ นายคณิต ชุมช่วย หัวหน้างานตรวจและบังคับการ (รักษาการในตำแหน่งหัวหน้าฝ่ายเทศกิจเขตพระนคร) นำกำลัง จนท.เทศกิจ ชุด 254 ร่วมกับ จนท.ตำรวจ สน.พระราชวัง ลงพื้นที่ จัดตั้งวางแผงเหล็กกั้น ตลอดแนวถนน ในเส้นทางเสด็จพระราชดำเนินพระบรมมหาราชวัง วัดพระแก้ว บริเวณสามแยกไฟแดง ฝั่งตรงข้ามศาลหลักเมือง เขตพระนคร กรุงเทพฯ
ทั้งนี้ วันจักรี ตรงกับวันที่ 6 เมษายน ของทุกปี ซึ่งเป็นวันเสด็จปราบดาภิเษกขึ้นครองราชสมบัติของพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช และเป็นวันที่ระลึกถึงมหาจักรีบรมราชวงศ์ พสกนิกรชาวไทยร่วมกันประดับธงชาติตามอาคารบ้านเรือน และหน่วยงานราชการก็มีพิธีวางพานพุ่มถวายสักการะ ณ บรมราชานุสาวรีย์พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช
วันจักรี คือ วันที่พสกนิกรชาวไทยร่วมรำลึกถึงพระมหากรุณาธิ คุณของพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช ซึ่งเป็นพระปฐมกษัตริย์ของราชวงศ์จักรี แห่งกรุงรัตนโกสินทร์ พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราชขึ้นครองราชสมบัติเมื่อวันที่ 6 เมษายน พ.ศ.2325 และเป็นวันที่ทรงสถาปนากรุงเทพมหานครเป็นเมืองหลวงของประเทศ ไทย พระราชกรณียกิจของพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราชที่สำคัญ คือ ทรงย้ายเมืองหลวงราชธานี จากฝั่งธนบุรี มายังฝั่งพระนคร และการฟื้นฟูวัฒนธรรมไทยที่สืบทอดมาตั้งแต่สมัยสุโขทัย และอยุธยา นอกจากนี้ยังทรงตรากฎหมาย “ตราสามดวง” เพื่อใช้เป็นหลักบริหารบ้านเมือง
เมื่อพ.ศ.2325 พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช ปราบดาภิเษกขึ้นครองราชสมบัติเป็นปฐมกษัตริย์ราชวงศ์จักรี ต่อมาปี พ.ศ.2416 พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว โปรดเกล้าฯ ให้หล่อพระบรมรูปพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 1-4 เพื่อประดิษฐานไว้ให้พระมหากษัตริย์องค์ต่อมา และพระบรมวงศานุวงศ์ ข้าราชการ รวมถึงประชาชน ได้ถวายบังคมระลึกถึงพระมหากรุณาธิคุณปีละครั้ง โดยประดิษฐานบนพระบรมรูปไว้บนพระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท พ.ศ.2461 รัชสมัยพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัวได้มีการปรับปรุงซ่อมแซม และประดิษฐานพระบรมรูป 5 รัชกาล และมีพระบรมราชโองการประกาศตั้งพระราชพิธีถวายบังคมพระบรมรูป ในวันที่ 6 เมษายน ปีนั้น และต่อมาโปรดฯ ให้เรียกวันที่ 6 เมษายน ว่า “วันจักรี” พระบรมราชานุสาวรีย์พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช ที่สำคัญในประเทศไทย สถานที่ถวายพานพุ่มสักการะพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราชในประเทศไทยที่สำคัญมี 2 แห่ง คือ
- แห่งแรก พระบรมราชานุสาวรีย์พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลก ถ.ตรีเพชร เขตพระนคร กรุงเทพมหานคร พระบรมราชานุสาวรีย์แห่งนี้สร้างขึ้นเมื่อปี พ.ศ.2475 ในงานสมโภชกรุงรัตนโกสินทร์ครบ 150 ปี ประดิษฐานอยู่ที่เชิงสะพานพุทธ ฝั่งเขตพระนคร สร้างขึ้นตามพระราชดำริของพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว (รัชกาลที่ 6) พระบรมรูปทรงเครื่องขัตติยาภรณ์ เสด็จประทับเหนือพระราชบัลลังก์ ออกแบบโดยสมเด็จพระบรมวงศ์เธอ เจ้าฟ้ากรมพระยานริศรานุวัติวงศ์ และหล่อโดยศาสตราจารย์ ศิลป์ พีระศรี พระบรมราชานุสาวรีย์นี้มีความสูง 4.60 เมตร ฐานกว้าง 2.30 เมตร เบื้องหน้ามีเครื่องบูชา พานพุ่มดอกไม้ และน้ำพุประดับอย่างสวยงาม
- แห่งที่สอง พระบรมราชานุสาวรีย์ พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช ต.อิสาณ อ.เมือง จ.บุรีรัมย์ พสกนิกรชาวเมืองบุรีรัมย์ ได้ร่วมกันสร้างพระบรมราชานุสาวรีย์พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช ด้วยความสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณแห่งผู้สถาปนาเมืองบุรีรัมย์ และเป็นอนุสรณ์ศูนย์รวมจิตใจแห่งความภักดีต่อสถาบันพระมหากษัตริย์ราชวงศ์จักรี ขณะที่พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช ทรงดำรงตำแหน่งเป็นเจ้าพระยาจักรีในรัชสมัยสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช ทรงยกทัพมาปราบกบฏเมืองจำปาศักดิ์ และได้รวบรวมผู้คนตั้งเมืองขึ้น เรียกว่า “เมืองแปะ” โดยแต่งตั้งบุตรเจ้าเมืองผไทสมัน (พุทไธสง) ให้เป็นเจ้าเมือง ต่อมาได้เปลี่ยนชื่อเป็นเมือง “บุรีรัมย์” ในช่วงปลายรัชสมัยสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว (รัชกาลที่ 4) หรือต้นรัชกาลพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว (รัชกาลที่ 5)
พระบรมราชานุสาวรีย์แห่งนี้สร้างเสร็จในปี พ.ศ.2541 มีพิธีเปิดในปี พ.ศ.2542 ประดิษฐานอยู่ใน อ.เมือง จ.บุรีรัมย์ ทางไป อ.ประโคนชัย สร้างขึ้นตามแบบนับฉลองพระองค์นักรบ ประทับบนช้างศึก จากจดหมายเหตุประชุมพงศาวดารภาค 7 ซึ่งกล่าวถึงเหตุการณ์ที่พระเจ้ากรุงธนบุรีโปรดให้สมเด็จพระมหากษัตริย์ศึกยกทัพไปปราบพระยานางรองที่สมคบคิดกับเจ้าโอ เจ้าอิน แห่งจำปาศักดิ์
Cr.ภาพ จากกรมการท่องเที่ยว/ข่าว ธีรพล ปลื้มถนอม
สุรเชษฐ ศิลานนท์ รายงาน